 |





/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" page="dhamma_online";
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" src="http://truehits1.gits.net.th/data/e0008481.js">
|
 |
|

คำถาม
|
 |
โดย : มวล เมื่อ วันที่
3 ม.ค. 2546 |
มีชีวิตอยู่เพื่ออะไรกัน
ชีวิตคนเกิดมาแล้วก็ตายไม่รู้ว่าเกิดมาทําไม กิน เล่นเที่ยว นอนวันๆ ไม่ได้ทําอะไรเลยยิ่งอยู่บนโลกนานเท่าไรยิ่งดูชีวิตไม่มีค่าเท่านั้นช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจด้วยครับ
|
คำตอบ |
 |
ตอบโดย : ทีมงาน(ูผู้พยายามพิสูจน์หนทาง) เมื่อ 4 ม.ค. 2546 |
คุณคิดคล้ายกับพระพุทธเจ้า และพระสาวกทั้งหลายที่ท่านเห็นทุกข์เห็นโทษของการเกิด ท่านไม่เห็นว่ามีสาระแก่นสารใดๆ เลย มีแต่ความแก่ลง ความเจ็บไข้ และตายในที่สุด
จะทำท่าให้สุขสนุกขนาดไหนก็ไม่พ้นภัยจากสิ่งเหล่านี้ ปราชญ์ทั้งหลายท่านจึงค้นหาหนทางที่หลีกหนีความจำเจซ้ำซากอย่างหาแก่นสารไม่ได้เช่นนี้ว่ามีทางอื่นหรือไม่ที่ประเสริฐกว่านี้
ท่านจึงค้นพบว่าชีวิตของสรรพสัตว์มิได้มีเพียงชาตินี้ชาติเดียว มีจิตเป็นนักเกิดนักตาย พาเราให้ท่องไปในสังสารวัฏอย่างไม่มีประมาณ ไม่มีที่สิ้นสุด ชาตินี้ยังทุกข์ยังไร้สาระไม่มีค่าเพียงนี้ ถ้าต้องท่องไปอีกไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนกับมดไต่ขอบด้ง..จะขนาดไหน..
ท่านจึงหาทางตัดวัฏวนนี้ให้สั้นลงๆ และขาดสะบั้นในที่สุดให้ได้...ซึ่งก็มีวิธีการ...พระพุทธเจ้าท่านสอนเราให้ลดความยึดมั่นถือมั่นทั้งปวงทาง"จิตใจ" เมื่อความยึดมั่นในสังสารวัฏฏ์ขาดสะบั้นลงก็ไม่มีอะไรเป็นแดนเกิดอีกต่อไป
การจะลดละปล่อยวางก็มีวิธี...คือการให้ทาน รู้จักเสียสละ รู้จักปล่อยวางตั้งแต่วัตถุหยาบๆ ตามลำดับไป การรักษาศีล รู้จักเสียสละความสุขที่เกิดจากรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ที่ละเอียดยิ่งขึ้นกว่าการให้ทานธรรมดา ที่สุดก็คือการภาวนา พิจารณาสิ่งต่างๆ ด้วยปัญญาจนสามารถคลายความยึดถือทั้งปวงได้....ทางนี้ทำให้จิตใจของเราโล่งเบาลงได้จนที่สุดไม่เคยมีพระพุทธเจ้าและพระสาวกองค์ใดเลยที่กล่าวว่า"ชีวิตของท่านไร้สาระ ไม่มีค่าอีกต่อไป...ทุกพระองค์ล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า...สุขจริงหนอๆๆ ทั้งนั้น"
อันนี้คุณคงต้องพิสูจน์ทางสายนี้ด้วยตัวคุณเองว่า ระหว่างอยู่เฉยๆ บนโลกนี้แบบไม่มีค่า กับก้าวเดินตามทางของพระพุทธองค์...จะเป็นทางประเสริฐสุดตามที่ท่านทรงบอกไว้ด้วยความเมตตาหรือไม่....ทีมงานก็จะขอพิสูจน์ตามทางสายนี้เป็นเพื่อนคุณนะครับ
|
|
|