|
![]() |
:: บทเพลงประวัติหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต :: เพลงที่ 21 โปรดบาทบริจาริกา |
ประวัติหลวงปู่มั่น ตอนที่ ๒๑ ทำนอง : สาวไหม ในคืนต่อมาชาวเทพภพภูมิต่างๆ ทั้งเทพเบื้องบนเบื้องล่าง มุ่งมาทุกทิศทุกทางต่างมากันมากมาย มาเล่าความเป็นไป ในคืนที่สุดงามท่านบรรลุธรรมเลิศล้ำไฉน ว่าดังสวรรค์พิภพวิมานนานา ครุฑนาคเทวายักษ์ยมอินทร์พรหมสะท้านหวั่นไหว รัศมีแห่งธรรมคืนนั้นช่างอำไพ พุ่งไปแสนไกลสว่างไสวกึกก้องและผ่องใส กว้างไกลจนสุดประมาณ อันแสงสว่างจากดวงของสุริยัน ร้อยพันดวงนั่นจะมีไหนเปรียบปาน เหล่าเทพทั้งหลายทุกภพภูมิจึงสาธุการ อนุโมทนาคุณท่านอัศจรรย์เหนือยิ่งสิ่งใด ด้วยบารมีและบุญบันดาลดลให้ ข้าพเจ้าทั้งหลายจึงพร้อมใจมากราบบูชา -ดนตรี- พอท่านได้ธรรมอันสูงล้ำแน่นอน ก็นึกถึงครั้งก่อนย้อนไปหลายภพผ่านมา คือคู่บารมีที่เคยค้ำจุนกันมา ที่เคยตั้งปรารถนาพุทธภูมิกันมาสมัยก่อนโน้น ตอนที่ท่านยังไม่บรรลุธรรมเข้มข้น คู่บารมีเวียนวนห่วงใยเคยแวะผ่านมา แต่มาเพียงวิญญา ไม่มีรูปร่างหน้าตาไหนมาปรากฏอย่างใด เหมือนภพทั่วไปดังเคยเห็นมา -ดนตรี- แค่เพียงรำพึงแล้วราตรีหนึ่งนั่งภาวนา คู่บารมีที่เคยร่วมบุญก็มาโดยพลัน แต่มาในรูปแห่งวิญญาณ รูปร่างผิวพรรณนั้นไม่มี ท่านถามทันทีภพนี้เป็นฉันใด วิญญาณตอบให้ทราบโดยไว เป็นภพย่อยไม่ใหญ่อันละเอียดจึงมองไม่เห็น ที่มารอคอยในภพนี้เพราะความจำเป็น ด้วยห่วงใยมิเว้นมิว่างไม่จางหายจากไปไหน ค่ำคืนที่ท่านบรรลุธรรมอันยิ่งใหญ่ ทั้งโลกธาตุหวั่นไหว ก็รับรู้ได้ตลอดมา -ดนตรี- แต่ช่างกระไรนั้นแทนที่ใจจะเบิกจะบาน จะเริงสราญระรื่นชื่นบานเกิดความหรรษา น้อมจิตโมทนาเหมือนดังเคยมาแต่ก่อนนั้น กลับวิปริตคิดพลันว่าท่านไม่เหลียวแล ท่านพ้นทุกข์ได้สิ่งใดไม่แยแส แม้แม้แต่คู่บารมีไม่มอง ที่เคยร่วมกันสร้างสมบุญมาดังปอง ท่านสกาวเหมือนดาวเดือนผ่อง ส่องแววทั่วจักรวาล ที่ทนหม่นหมองก็คือตัวของวิญญาณ จมติดโลกสงสาร ทุกข์ทรมานไม่สร่างซา -ดนตรี- -พูด- บรรยาย ประวัติหลวงปู่มั่น ตอนที่ ๒๑ วิญญาณนั้นมาบอกกับท่านว่า วิญญาณบาทฯ: ที่มารออยู่ในภพนี้เพราะความเป็นห่วงท่านมาก ยังมิได้ตั้งใจไปเกิดในภพภูมิที่เป็นหลักเป็น ฐานใดๆ ทั้งสิ้น วิญญาณนั้นได้มาตัดพ้อกับท่านอย่างเอาจริงเอาจังว่า วิญญาณบาทฯ: ท่านหลบหลีกปลีกตัวไปคนเดียว ไม่เหลียวมองมาสงสารเมตตากับผู้ที่เคยตะเกียกตะกาย เสือกคลานผ่านทุกข์มาด้วยกัน ไม่อนุเคราะห์ส่งเสริมให้พอมีทางผ่านพ้นทุกข์ไปได้ ทั้งๆ ที่ เคยบำเพ็ญธรรมมาด้วยกัน ท่านปลอบโยนดวงวิญญาณว่า อ.มั่น: การรับทานอาหารแม้จะร่วมวงในโต๊ะเดียวกันก็ยังมีผู้อิ่มก่อนอิ่มหลังมิใช่หรือ การบำเพ็ญ ความดีทั้งหลายแม้จะบำเพ็ญมาด้วยกัน แต่ก็ใช่จะบรรลุได้พร้อมกันไม่ และในขณะนี้ก็ กำลังช่วยฉุดช่วยลากช่วยดึงลัดเลาะ ช่วยอนุเคราะห์อย่างเต็มกำลัง ด้วยดวงใจที่เปี่ยมไป ด้วยความสงสารยิ่งกว่าน้ำในทะเลมหาสมุทร แม้ดวงวิญญาณจะมาอุบัติในภพชาติที่ ละเอียดลึกลับมองไม่เห็นตัว แต่ยังได้รับฟังสิ่งดีชั่วของตัวจากธรรม ที่มีผู้เมตตาแสดงให้ฟัง โดยไม่เสียกาลไปเปล่า นับว่าเป็นโชควาสนาของเราที่เคยสั่งสมอบรมมา ท่านเทศน์อบรมสั่งสอนปลอบโยนด้วยความสงสารเมตตาต่อดวงวิญญาณนั้นอย่างยืดยาวทั้งเหตุและผลคละเคล้ากันไปไม่หยุดหย่อน จนกระทั่งบาทบริจาริกาคู่บารมีกลับใจได้สติ ที่มาทำให้ท่านได้รับความลำบากลำบนในความมืดมนด้วยเหตุแห่งความรักความอาลัยนั้น ก่อนจากไปดวงวิญญาณได้กราบและขอพรท่านว่า วิญญาณบาทฯ: เมื่อได้ไปเกิดในภพที่เหมาะสมแล้ว ขอให้ได้มารับฟังโอวาทตามความปรารถนาที่เคยทำมา ท่านก็อนุญาต ต่อมาอีกไม่นานนักดวงวิญญาณนั้นก็มาเยี่ยมท่านอีก โดยครั้งนี้มาในร่างที่สวยงามแห่งเทวดา และได้กราบเรียนถวายท่านว่า วิญญาณบาทฯ: พอได้รับคำชี้แจงจากท่านจนหายสงสัยไร้ทุกข์แล้ว ก็ไปอุบัติเป็นเทวดาในสวรรค์ชั้นดาวดึงพิภพ มีความสุขสนุกสนานด้วยเครื่องบำรุงบำเรอต่างๆ ที่ล้วนแล้วแต่สำเร็จไปจากการบำเพ็ญเมื่ออยู่กับท่านในเมืองมนุษย์ทั้งนั้น นึกถึงพระคุณท่านแล้วทำให้ซึ้งใจสุดที่จะเรียนได้ถูก แม้เคยผิดพลาดล่วงเกินใดๆ ที่ผ่านมา ขอท่านเมตตาอโหสิกรรมอย่าได้มีบาปกรรมสืบก่อต่อเนื่องอีกต่อไป ท่านได้อโหสิกรรมแก่เทวดาตามความปรารถนาและได้แสดงธรรมอบรมสั่งสอนส่งเสริมบารมีให้เป็นที่รื่นเริงจนควรแก่กาลแล้ว เทวดานมัสการลากระทำประทักษิณสามรอบ หลีกออกห่างจากท่านพอประมาณแล้วก็เหาะลอยขึ้นสู่อากาศ ด้วยความโสมนัสศรัทธาเป็นล้นพ้น |
![]() |
Copyright All Rights Reserved. |