เทศน์เรื่องคลังหลวง

เอาโลกพิจารณามันไม่แน่นอน

๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐ วัดป่าบ้านตาด หลวงตา  ทองคำที่มอบเข้าคลังหลวงแล้วเวลานี้ ๑๑,๐๓๗ กิโลครึ่ง เท่ากับ ๑๑ ตันกับ๓๗ กิโลครึ่ง หลังจากมอบแล้วได้ทองคำประเภทน้ำไหลซึมถึงวันที่ ๓ พฤศจิกายน ได้อีก ๕๗๐ กิโล ๔๘ บาท ๓๑ สตางค์ ได้เพิ่มเข้าอีก รวมทองคำทั้งหมดที่มอบแล้วและยังไม่ได้มอบ เป็นทองคำ ๑๑,๖๐๘ กิโล ๑๕ บาท ๔๒ สตางค์ ทองคำเราได้รวมทั้งหมดมาถึงเมื่อวานนี้ ได้ทองคำ ๑๑,๖๐๘ กิโล ๑๕ บาท ๔๒ สตางค์ ทองคำได้เยอะอยู่นะคราวนี้นะ ทองคำเอาเข้าคลังหลวงคราวนี้ได้เยอะอยู่
ลูกศิษย์กราบเรียน   เมื่อวานนี้ได้มีการประชุมสงฆ์และประชาชนทั่วไป เกี่ยวกับพระราชบัญญัติเงินตราที่มีการเคลื่อนไหว ที่จะเข้ามานำเงินในคลังหลวงไปใช้เจ้าค่ะ โดยผู้ทรงคุณวุฒิ และก็สมาชิกสภานิติบัญญัติ รองประธานสภา

 

ทนายความ และผู้เชี่ยวชาญทางการเงินในคลังหลวง ได้ใจความสรุปดังนี้เจ้าค่ะ เป็นการเสี่ยงที่จะนำเงินทุนในคลังหลวงไปทำการลงทุนตามกระแสโลก เพราะถ้าได้ประเทศไทยก็พอรอด แต่ถ้าเสียเงินหนุนพันธบัตรจะลดลงไป และจะทำให้เสียหายต่อเงินบาท เงินบาทอาจจะลดค่าลง และกลายเป็นเงินกงเต๊กไปในที่สุดเจ้าค่ะ การเปลี่ยนกฎต่างๆ เกี่ยวกับเงินคลังหลวงจะทำต่อเจตนาเดิมของบรรพบุรุษ เพราะว่าบรรพบุรุษต้องการเก็บเงินคลังหลวงนี้ไว้ให้มั่นคง หรือว่าให้เพิ่มพูนไปตลอดรุ่นลูกรุ่นหลาน สมดังคำเทศน์ที่พระหลวงตาได้เทศน์ไว้ว่า คลังหลวงนี้เป็นหัวใจของไทยทั้งชาติ ถ้าสิ้นคลังหลวงไปแล้ว ปวงคนไทยก็คงจะสิ้นชาติ สิ้นสมบัติพัสถาน สิ้นศาสนา สิ้นแผ่นดินสิ้นวงศ์กษัตรา สิ้นพสุธาอาศัยมาหลายร้อยปี คลังหลวงเป็นหัวใจไทยทั้งชาติ หนุนเงินบาทรวมทองคำอยู่ที่นี่ ฟังให้จำจำฝังใจไว้ให้ดี สมบัตินี้เป็นของเราทุกๆ คนเจ้าค่ะ

หลวงตา    เออพอใจ ความรู้ความเห็นของเรายังคงเส้นคงวาอยู่ไม่เคลื่อนไหว เพราะฉะนั้นเราจึงกล้าค้าน อะไรกล้าค้าน ได้พิจารณาเต็มหัวใจแล้วออกๆ ไม่ใช่ด้นเดาออก พิจารณาๆ แล้ว เหมาะสมตรงไหนจะออกตรงนั้นปั๊บ นี่ก็เหมาะสมอย่างที่ว่านี้ให้เอาไว้ อย่าเอาออก เอาธรรมละเข้าพิจารณา ถ้าเอาโลกพิจารณามันไม่แน่นอน ว่าแต่จะร่ำรวยๆ จมก็มีเข้าใจไหมล่ะ ถ้าเอาธรรมเข้าพิจารณาแล้วจะเหมาะสมตลอดไป นี่เราก็เอาธรรมเข้าพิจารณา แล้วบอกกับบรรดาพี่น้องทั้งหลายทั่วประเทศไทย โดยถือธรรมเป็นหลักเกณฑ์ เราก็ทำมาอย่างนั้น ก็เหมาะสมอยู่แล้ว เอาละพอใจ


ลูกศิษย์  ขอผลานิสงส์ผลบุญที่ลูกศิษย์ทั้งหลายได้กระทำมา จงมาปกป้องคลังหลวงให้อยู่คู่ชาติไทยตลอดไปด้วยเทอญ
หลวงตา  เอ้อ พอใจ เอาละ

จดหมายเหตุหลวงตา

๒๗ ส.ค. ๔๑ กตัญญูรู้จักคุณของชาติ
เวลานี้ประเทศไทยของเรากำลังข้าศึกเข้าเมืองนะ ข้าศึกเข้าเมืองคือมหาภัยเข้าเมือง เข้าเมืองไทยเราเวลานี้ คือยาเสพติด นี้มหาภัยต่อชาติไทยอย่างยิ่งทีเดียว.....ใครมีดอลลาร์มีทองคำเอามา เรารักชาติเราต้องช่วยชาติ เราต้องกตัญญูกตเวทีต่อชาติ รู้จักบุญจักคุณของชาติเรา แล้วทำการสนองตอบแทนชาติไทยของเราในเวลามีความบกพร่องต้องการความช่วยเหลืออยู่อย่างนี้ ให้ต่างคนต่างเอาใจใส่ด้วยกันเต็มจิตเต็มใจ ที่เอามาเหล่านี้นี่เครื่องหนุนชาติของเรา นี่แสดงเป็นความกตัญญูกตเวทีต่อชาติ กตัญญูรู้จักคุณของชาติ กตเวทีคือตอบแทนชาติของเรา เวลานี้ชาติของเราบกพร่องต้องกตเวที คือทำการตอบแทนสนองคุณชาติไทยของเรา ด้วยการช่วยเหลือกันอย่างนี้ เอ้า ใครมีเท่าไรมากน้อยเท่าไรเอามา



๒๑ ก.ย. ๔๑ กู้ชาติต้องกู้ด้วยความเสียสละ
ถาม        :   คือผ้าป่าคราวนี้ได้ตั้งเป้าหมายไว้ ๘๔,๐๐๐ กอง ถ้าไม่ได้ตามเป้าหมาย จะแสดงอะไร ?
หลวงตา   : ถึงความเป็นอยู่ของบ้านเมืองอย่างไรขอรับหลวงตา อันดับแรกตอบแล้วนะ คือ อันดับแรกหลวงตาบัวต้องตาย ที่สอง ชาวไทยเราทั้งประเทศนี้จม แล้วที่สาม ชาวโลกเขาชี้หน้าเมืองไทยเรา ชี้หน้าไม่ได้ก็ชี้ข้างหลัง เพราะข้างหน้ามันจมน้ำ แล้ว เขาชี้ข้างหลังเรา เราอยากให้เขาชี้แบบนี้เหรอ ถ้าให้เขาชี้แบบนี้ก็ผ้าป่า         ๘๔,๐๐๐ กองนี้ ก็เรียกว่าไม่สมบูรณ์ เขาถึงได้ชี้แบบนี้ ถ้าเริ่มต้นในขั้นเริ่มแรกนี้ ๘๔,๐๐๐ กองนี้เรียกว่าปฐมฤกษ์ของชาติไทยเราที่จะตั้งตัวขึ้น เป็นสิริมงคลแก่ชาติไทยของเรา ต้องครบสมบูรณ์แบบทีเดียว ขาดตกบกพร่องแม้สตางค์หนึ่งไม่ได้ เลยใน ๘๔,๐๐๐ กองนี้......จำให้ดีนะคำนี้ ต้องเสียสละ นักสู้ต้องนักเสียสละ กู้ชาติต้องกู้ด้วยความเสียสละ ทุกสิ่งทุกอย่างเอาเลยไม่ต้องถอยนะ

๑๔ ต.ค. ๔๑ หัวใจของชาติไทย

เวลานี้จุดที่สำคัญที่สุดของเราคือทองคำเป็นอันดับหนึ่ง นอกจากนั้นก็ตามกันมา ขอให้ทองคำนี้เป็นหลักประกันชาติเถิด เราจะอยู่ผาสุกสบาย ติดหนี้ติดสินเขาเราก็ยอมรับว่าติดหนี้สิน แต่หลักประกันของเราไม่เอนเอียงเป็นการใช้ได้ นี่ละจึงว่าเงินที่มาทั้งหมดนี้ เราอาจจะใช้หนี้เขาไปตามเป้าหมายนั้นอันหนึ่งก็ได้ เราอาจจะแยกเงินที่จะใช้หนี้มาช่วยชาติของเรา หนุนเข้ามา เช่นดอลลาร์นี้หนุนเข้ามาทางไหนก็ได้ ที่จะเป็นประโยชน์แก่ชาติไทยของเรา เราไม่ได้ไปแบบเดียวเถรตรงนะ เราไปหลายแบบหลายฉบับ อันใดที่จะเป็นคุณเป็นประโยชน์แก่ชาติไทยของเรา จะหมุนเข้ามา ๆ เพื่อประโยชน์แก่ชาติทั้งนั้น ส่วนทองคำแล้วเรียกว่าจะเข้าขั้นตายตัว ใครจะมาเคลื่อนไม่ได้ว่างั้นเลย เพราะหลักนี้คือหัวใจของชาติ เคลื่อนอันนี้ก็เท่ากับหัวใจของชาติจะขาด 

๒ ต.ค. ๔๑ ปฐมฤกษ์แห่งชาติไทย

โรงพยาบาลใหญ่ ๆ ในกรุงเทพฯ มีแต่ลูกศิษย์ทั้งนั้นนะ พวกศาสตราจารย์ ๆ นี่เป็นอาจารย์ใหญ่ของศาสตราจารย์รู้ไหม ก็โม้เสียบ้างซิ แต่โลกเขายังโม้ได้ ทำไมเรามีหัวใจเราโม้ไม่ได้ เราก็ต้องชี้ว่านี่อาจารย์ใหญ่ของศาสตราจารย์ทั้งหลายรู้ไหม ก็มีแต่ลูกศิษย์ทั้งนั้นโรงพยาบาลต่าง ๆ ศาสตราจารย์ ๆ ลูกศิษย์ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นจึงได้ไปเทศน์ให้ที่ โรงพยาบาลรามาฯ ศิริราช เหล่านี้ไปหมด จุฬาฯ ไปหมด มีแต่ศาสตราจารย์ทั้งนั้น เราเป็นอาจารย์ของศาสตราจารย์ก็ต้องไปเทศน์สอนลูกศิษย์อีกทีหนึ่งซิ เวลานี้กองผ้าป่ากำหนดไว้อย่างตายตัวเคลื่อนไม่ได้เลย ๘๔,๐๐๐ กอง แต่ละกอง ๆ ละ ๑๐๐ ดอลลาร์ ๘๔,๐๐๐ กอง อันนี้ต้องให้ครบ คือเราขีดเส้นตายให้เลยเราเป็นหัวหน้านะ คือ ๘๔,๐๐๐ กองนี้จะขาดไปไม่ได้แม้สตางค์หนึ่ง เพราะเป็นปฐมฤกษ์แห่งชาติไทยของเราที่จะตั้งเนื้อตั้งตัว ตั้งนี้เป็นปฐมฤกษ์ ถือ ๘๔,๐๐๐ กองผ้าป่านี้เป็นกองปฐมฤกษ์ จึงต้องตั้งให้แน่นหนาสมบูรณ์ขึ้นเป็นลำดับ จนกระทั่งสมบูรณ์เต็มที่ ขาดไปไม่ได้แม้สตางค์หนึ่ง เมื่ออันนี้เต็มที่แล้วเราค่อยก้าวไปเรื่อย ๆ ไป

ผ้าป่า ๑๒ เมษาฯ

คณะศิษย์องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ขอเชิญร่วมงานบุญประเพณีปีที่ ๑๐
“ผ้าป่า ๑๒ เมษาฯ สืบหน่อต่อแขนงคลังหลวง บูชาคุณองค์หลวงตา” ประจำปี ๒๕๖๔
คณะศิษย์ร่วมใจกันจัด “ผ้าป่า ๕ ๐ ๐ ๐ กองๆ ละ ๒ , ๕ ๐ ๐ บาท”


 

กำหนดการ
(ทั้งนี้หากโควิด-๑๙ ยังไม่คลี่คลาย งานบุญจะใช้รูปแบบ “ถ่ายทอดสดผ้าป่าออนไลน์”)

 

สวนแสงธรรม กทม. (หรือ มูลนิธิเสียงธรรมฯ จ.อุดรธานี ขึ้นกับสถานการณ์โควิด-๑๙)
> เสาร์ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๔
๑๕.๓๐ น. ถ่ายทอดสด : เสวนา “คุณูปการงานกู้ชาติขององค์หลวงตา”
๑๙.๐๐ น. สวดมนต์เย็น ธรรมเทศนารำลึกคุณ “โครงการช่วยชาติ”
> อาทิตย์ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๔
๐๗.๓๐ น. บิณฑบาต อนุโมทนา
๐๙.๐๐ น. ทอดผ้าป่า “๑๒ เมษาฯ สืบหน่อต่อแขนงคลังหลวง บูชาคุณองค์หลวงตา” อนุโมทนาสาธุการงานบุญเพื่อชาติ

 

วัดป่าบ้านตาด / วัดป่ากกสะทอน จ.อุดรธานี
> อาทิตย์ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๔
๑๙.๐๐ น. สวดมนต์เย็น ธรรมเทศนาจิตตภาวนา
> จันทร์ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๔
๐๗.๓๐ น. บิณฑบาต อนุโมทนา
๐๙.๐๐ น. ทอดผ้าป่า “๑๒ เมษาฯ สืบหน่อต่อแขนงคลังหลวง บูชาคุณองค์หลวงตา” อุทิศส่วนกุศลถวายแด่บูรพมหากษัตริย์ไทย และบรรพชนไทยผู้เสียสละเพื่อชาติ

พิธีมอบทองคำ

ณ สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ  ๑๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๐

ผู้แทนโครงการช่วยชาติ พลเรือโทตรีรัตน์ ชมะนันท์ กล่าวรายงาน พิธีมอบทองคำเข้าคลังหลวง ครั้งที่ 14 

 
                   ขอพระราชทานกราบทูลใต้ฝ่าพระบาท ข้าพระพุทธเจ้า พลเรือโทตรีรัตน์ ชมะนันท์ ผู้แทนโครงการช่วยชาติ พร้อมด้วย พุทธศาสนิกชน และประชาชนที่มาเฝ้าใต้ฝ่าพระบาท ณ ที่นี้มีความปลาบปลื้มและสำนึกในพระกรุณาเป็นล้นพ้น ที่ใต้ฝ่าพระบาทได้เสด็จทรงเป็นองค์ประธานในพิธีมอบทองคำเข้าคลังหลวง ครั้งที่ ๑๔ วันนี้จึงนับเป็นวันมหามงคลยิ่งของพวกเราชาวไทย จะได้มีการประกอบพิธีมอบทองคำ เพื่อนำไปเพิ่มพูนสินทรัพย์ในคลังหลวง เป็นสมบัติของพี่น้องและลูกหลานชาวไทยสืบไป



                     โดยข้อเท็จจริง โครงการช่วยชาติโดยองค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้ปิดโครงการช่วยชาติไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๔๗ โดยมีสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์  พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีดังกล่าว แต่หลังจากนั้นมา ก็ยังคงมีประชาชนผู้รักชาติ ผู้มีจิตศรัทธา และมีความเชื่อมั่นในองค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้ถวายทองคำเพื่อให้หลวงตารวบรวมมอบเข้าคลังหลวง  ซึ่งได้กำหนดพิธีมอบทองคำเข้าฝ่ายออกบัตรของธนาคารแห่งประเทศไทยอีกครั้งหนึ่งในวันนี้
                จากประวัติศาสตร์ชาติไทย บุรพมหากษัตริยาธิราชและบรรพบุรุษท่านต้องฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการกว่าจะวางรากฐานบ้านเมือง ให้ลูกหลานได้อยู่อย่างผาสุกร่มเย็นตลอดมาจนทุกวันนี้ ท่านต้องยอมพลีชีพ พลีทรัพย์สินเงินทอง พลีครอบครัวเหย้าเรือน เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายออกไปต่อสู้เพื่อรักษาผืนแผ่นดินนี้ไว้     ท่านต้องเพียรเสาะแสวงหารายได้เพื่อนำมาพัฒนาบ้านเมือง ทรัพย์สมบัติที่หามาได้ ท่านก็รู้จักใช้จ่ายอย่างมีเหตุผลและมีประมาณ แม้กระนั้น ท่านยังพอใจที่จะตัดแบ่งทรัพย์ โดยแยกเก็บสะสมไว้เป็นทุนรอนแก่ลูกหลานในวันหน้า และจากอดีตที่ผ่านมา ท่านก็ไม่เคยก่อหนี้สินพะรุงพะรังให้ลูกหลานที่เกิดมาภายหลังต้องแบกหามภาระอันหนักหนา หรือต้องมาทนทุกข์ยากลำบากเพราะท่าน
                   แม้ยามวิกฤตไม่มีทางออก ลูกหลานก็ได้อาศัยทุนสำรองที่บรรพบุรุษท่านเก็บสะสมไว้ มาช่วยไถ่ถอนบ้านเมือง เช่นเหตุการณ์ ร.ศ.๑๑๒ ปีพุทธศักราช ๒๔๓๖ ต้องใช้ทั้ง “เงินถุงแดง” ที่เก็บไว้ตั้งแต่รัชกาลที่ ๓ ยาวนานถึงรัชกาลที่ ๕ และใช้เงินทองบริจาคของล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ พระบรมวงศานุวงศ์ ตลอดจนข้าราชการ จึงสามารถระงับดับไฟให้ผ่านพ้นไปจากสยามประเทศได้ จาก เงินถุงแดง จนกระทั่งในปัจจุบันเรียกว่า  ทุนสำรองเงินตรา เป็นการเรียกชื่อของ “คลังหลวง”  ตามความหมายของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน แต่สิ่งที่บุรพมหากษัตริย์ทุกพระองค์ ตลอดจนบรรพบุรุษทุกยุคสมัย ท่านดำรงรักษาไว้อย่างมั่นคงตลอดกาลนั้นมิได้เคยแปรเปลี่ยนไปเลย
                การมอบทองคำเข้าสู่ “คลังหลวง” ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน และพี่น้องประชาชนทั่วประเทศตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๔๑ จนกระทั่งปัจจุบันนี้ เป็นสัญลักษณ์แสดงออกถึงความรักความเสียสละและสามัคคีของคนในชาติ ตลอดจนเป็นการประกาศเจตนารมณ์ที่จะดำเนินรอยตามบรรพบุรุษเพื่อปกป้อง “คลังหลวง” จะรักษาหลักการและเจตนารมณ์ของ “คลังหลวง” มิให้แปรเปลี่ยนไป เพราะคลังหลวงคือหัวใจของชาติ เมื่อสิ้นคลังหลวงก็เท่ากับสูญสิ้นแล้วซึ่งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ 
                การมอบทองคำแท่งในครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ ๑๔ โดยประกอบด้วยทองคำแท่งบริสุทธิ์ ๙๙.๙๙% จำนวน ๔๘ แท่ง น้ำหนัก ๖๐๐ กิโลกรัม หลังจากพิธีมอบในวันนี้แล้ว จำนวนทองคำแท่งบริสุทธิ์ ๙๙.๙๙% ที่มอบเข้าคลังหลวงแล้ว จะมีทั้งสิ้น ๙๓๑ แท่ง น้ำหนัก ๑๑,๖๓๗.๕ กิโลกรัม และเงินดอลลาร์สหรัฐ ๑๐,๒๑๔,๖๐๐ เหรียญ คิดเป็นเงินบาทในวันนี้รวมประมาณ ๑๐,๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท 
                ด้วยเมตตาอันเปี่ยมล้นของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้ปลุกจิตสำนึกชาวไทยให้รู้ซึ้งในหลักธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกี่ยวกับ “โภควิภาค ๔” และ “ทิฏฐธัมมิกัตถสังวัตตนิกธรรม ๔” ท่านสอนให้จัดสรรทรัพย์ออกเป็นส่วน รู้จักว่าส่วนใดควรใช้ ส่วนใดควรลงทุน และส่วนใดพึงเก็บรักษาไว้ในยามจำเป็น มิให้สุรุ่ยสุร่าย ท่านให้ขยันหมั่นเพียรในการงานชอบ รู้จักรักษาทรัพย์ไม่ให้เสื่อมสูญไป คบคนดีเป็นมิตร และมีประมาณในการกินอยู่ใช้สอย ไม่ดีดดิ้นเกินตัว

                บัดนี้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ความวิริยะอุตสาหะขององค์หลวงตาได้บรรลุผลทั้งด้านวัตถุและด้านจิตใจ เป็นการสร้างคน สร้างชาติ และบำรุงพระพุทธศาสนาไปพร้อม ๆ กัน  ขอผลานิสงส์ในครานี้ ถวายเป็นปฏิบัติบูชา เป็นพระพรชัยมงคล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระราชวโรกาสทรงมีพระชนมายุครบ ๘๐ พรรษา และ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระมหาบุรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า ตลอดจนบรรพบุรุษของไทย จงเป็นผลให้แผ่นดินไทยและประชาชนชาวไทย มีความร่มเย็นเป็นสุขภายใต้ร่มเงาของพระบวรพุทธศาสนาตลอดกาลนาน   ควรมิควรแล้วแต่จะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม    จากนั้น นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยถวายรายงานแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี

                "ทองคำที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับพระราชทานในครั้งนี้จำนวน ๔๘ แท่ง น้ำหนักรวม ๖๐๐ กิโลกรัม จะนำเข้าเป็นทุนสำรองเงินตราเพื่อเพิ่มสินทรัพย์ของชาติ และจะดูแลรักษาให้มีความมั่นคงตามเจตนารมณ์ของผู้บริจาค และหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน สืบไป"