ขึ้นเวที
วันที่ 17 มิถุนายน 2538
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๓๘

ขึ้นเวที

ฟ้าหญิงได้โทรมานี่ว่าจะมา เราโทรตอบไปว่าจะไปเองเราไม่ให้ท่านมา บางทีอยู่ในโรงพยาบาลด้วย เราไม่ให้มาเราไปเอง วันเราไปกรุงเทพโทรศัพท์สวนมาว่าจะมาที่นี่ ก็พอดีทางนี้บอกว่าท่านไปกรุงเทพแล้ว เราไปพักที่กรุงเทพได้ไปเยี่ยมท่าน ๒ หน ก็ดีขึ้นเยอะนะทางด้านจิตใจ เพราะสอนเป็นกันเองนี่นะ สอนอย่างเด็ดเฉียบขาดเลยสอนแบบกันเอง คือสอนแบบกษัตริย์ไม่ได้ เพราะกิเลสมันไม่ได้ถือว่าเป็นกษัตริย์นี่นะ มันตีได้ทั้งนั้น เราสอนเราจะสอนเห็นแก่กษัตริย์ไม่ได้ ต้องเห็นแก่กิเลสฟัดกิเลสเลย เอาอย่างหนัก บอกเรื่องหยูกเรื่องยาเรื่องหมออย่าไปกังวลกับเขา หมอเขาเรียนวิชามาเต็มภูมิแล้ว วิชาทุกอย่างเต็มภูมิของหมอแล้ว มอบให้หมอเรื่องร่างกาย แต่เรื่องจิตใจมอบให้เราเป็นผู้ปฏิบัติเอง อย่าไปยุ่งกับเขาอย่าเป็นกังวลเราว่างี้ ตอนกลับไปฟังว่าเกือบจะไม่แตะยาเลยว่างั้น ไปใหญ่เลยคือไม่สนใจกับยาเลย ใส่ใหญ่คึกคัก สามสี่วันเสด็จมาอีกก่อนที่จะเสด็จไปเมืองนอก

ก็ต้องอย่างนั้นซิ กิเลสมันรุนแรงเราจะไปสู้เหยาะ ๆ แหยะ ๆ ไม่ได้ไม่ทันมัน นี่ละท่านว่ามัชฌิมาปฏิปทา คือกิเลสเด็ดธรรมะต้องเด็ด ไม่เด็ดไม่ได้ไม่ทันกัน แต่คนไม่รู้ว่ามัชฌิมาเป็นยังไงนั่นซิ ขึ้นเวทีก็รู้กันเอง กิเลสตัวไหนเก่งก็เก่งใส่กันเลย กิเลสเก่งธรรมะต้องเก่ง กิเลสเด็ดธรรมะต้องเด็ดไม่เด็ดไม่ได้ นี่เรียกมัชฌิมา พอเหมาะกัน ๆ ขึ้นเวทีก็รู้เอง กิเลสมันใช่เล่นเมื่อไรมันทำลายโลกเวลานี้ทำลายน้อยเมื่อไร เราวิตกมากจริง ๆ ไม่ใช่ธรรมดานะ เฒ่าแก่มาเท่าไรยิ่งวิตกวิจารณ์ สมบัติเงินทองข้าวของมีเต็มบ้านเต็มเมืองแต่หาความสุขในใจไม่ได้นี่ซิมันสำคัญนะ โลกเวลานี้แห้งผากจากความสุขภายในใจด้วยอรรถด้วยธรรม มันไม่มีแหละ มีแต่การดิ้นการดีดอยู่ภายนอก นั่นละเรื่องกิเลสมันยุมันแหย่มันหลอกมันลวงต้มตุ๋นเรื่อย ให้บืนเรื่อยให้บึกบึนไปกับมันเรื่อย ๆ มันต้มไปเรื่อยหลอกไปเรื่อยทุกข์ไปเรื่อย มันไม่ให้เห็นฉากหลังมันนี่ซิสำคัญ โลกถึงได้ร้อน

ร้อนใจนี่ร้อนมากนะ ไปถามดูซิคนใดก็ตามครอบครัวใดก็ตามไม่ว่าใหญ่น้อยขนาดไหน เอ้า ถามลงมาจนกระทั่งถึงทุคตะเข็ญใจ มีกองทุกข์เต็มหัวใจด้วยกันทั้งนั้นแหละ เพราะไม่มีธรรมในใจเป็นน้ำดับไฟเราจึงวิตกวิจารณ์มาก สอนจึงสอนเน้นหนักเข้าไปที่ใจ ไฟอยู่ตรงนั้นนะ ไม่อยู่ที่อื่นไฟเผาโลก เดือดร้อนวุ่นวาย หนังสือพิมพ์ฉบับไหนมีแต่ระบายเรื่องกองทุกข์ของโลกออกมาทั้งนั้น ฆ่ากันนี่เหมือนผักเหมือนปลา ฆ่ากันได้อย่างง่ายดายมาก นี่ละกิเลสมันง่ายนิดเดียว ถ้าทำชั่วแล้วกิเลสง่ายนิดเดียว ถ้าทำดีกิเลสดึงไว้ไม่ให้ทำ มันถึงเดือดร้อนมากโลกเรา

เมืองไหนจะสมบูรณ์พูนผลเหมือนเมืองไทยเรา ถ้าพูดถึงเรื่องอาหารการกินที่อยู่ที่อาศัยทุกอย่างเต็มไปหมดบ้านเมืองเรา แต่ทำไมเมืองไทยเราหาความสุขไม่ได้ดิ้นดีดเป็นบ้ากันไป ไม่ว่าผู้ใหญ่ผู้น้อย ไม่ว่าคนโง่คนฉลาดแบบเดียวกันหมดเพราะไม่ได้มองดูธรรม มองดูแต่กิเลสมันหลอกไปทั้งนั้น ต่างคนต่างมอง ผู้ใหญ่ก็มองผู้น้อยก็มอง ผู้ใหญ่ก็คืบก็คลานเด็กก็คืบก็คลานเต็มไปด้วยอาชีพการงานของกิเลส เพราะฉะนั้นถึงเป็นกองทุกข์ มันหลอกเรื่อยเราไม่รู้ มองดูฉากหลังถึงเห็น ไม่มองดูฉากหลังไม่ได้ ธรรมพระพุทธเจ้าดูฉากหลังดูฉากหน้าซิถึงทันกันกับกิเลส ไม่งั้นแก้กิเลสไม่ตกตายทิ้งเปล่า ๆ นั่นแหละ

ไปที่ไหน ๆ มีแต่คนบ่นเรื่องกองทุกข์ โห จนทุเรศนะเรา ไม่ทราบจะปลงทุกข์ให้คนได้ยังไง สิ่งที่จะแก้ทุกข์มีอยู่เรื่องอรรถเรื่องธรรม ต่างคนต่างปฏิบัติตัวให้ดีเข้มงวดกวดขันในทางที่ถูกที่ดี และเข้มงวดกวดขันในทางที่ชั่ว ระวัดระวังไม่ให้เข้ามาแปดเปื้อนกายวาจาใจของเราก็ดีเท่านั้นเอง อยู่บ้านอยู่เรือนอยู่ไหนก็ค่อยสบาย ทุกข์จนหนโลกทุกข์เรื่องทุกข์ เกิดมากับกองทุกข์จะไม่ทุกข์ได้ยังไง เรื่องอาหารการกินสิ่งที่ควรได้ควรเสียก็ได้ก็เสียเป็นธรรมดา แต่หัวใจอย่าให้เสียจากศีลจากธรรมแล้วเป็นสุขเย็น

เห็นไหมพ่อแม่กับลูกได้อะไร ๆ มาลูกรุมเลย ไม่ว่าพ่อแม่ใดลูกคนใดก็ตามเป็นแบบเดียวกันหมดเพราะความรัก พอก้าวขึ้นบ้านมาลูกจะรุมเลยเชียวนะ แย่งโน้นแย่งนี้ พ่อแม่ได้อะไรมาแย่งกินหมด พ่อแม่ยื่นให้คนนั้นยื่นให้คนนี้ยื่นไม่ทัน ถ้าลูกหลายคนยื่นไม่ทัน นี่เพราะความรักความเมตตาสงสาร เราก็ให้มีอย่างนั้นซิ รักลูกรักเมียรักครอบครัวเหย้าเรือนรักอย่างนั้นซิ จะไปรักอะไรหญิงคนนั้นชายคนนี้เป็นบ้ากันไปหมดทั้งบ้านทั้งเมือง เวลานี้กามกิเลสกำลังทำคนให้เป็นบ้ายังไม่รู้อยู่เหรอ ลืมไปหมด ลืมลูกลืมเมียลืมผัวลืมไปหมด กิเลสตัวนี้ตัวหน้าด้านมาก ตัวนี้ตัวหนักตัวผาดโผนมากที่สุด ทำลายโลกให้เดือดร้อนวุ่นวายอยู่เวลานี้ ล่มจมก็เพราะตัวนี้เอง เพราะฉะนั้นจึงได้เด็ดลงจุดนี้ ๆ จุดสำคัญนี่ ฟาดตัวนี้ให้พังลงไปแล้วไม่เห็นมีตัวใดดีด เอามันขนาดนั้น

ขึ้นเวทีเสียก่อนถึงรู้กัน กิเลสตัวไหนเก่ง ๆ ขึ้นเวทีฟัดกันแล้วก็รู้เอง ตัวนี้แหละตัวเก่งที่สุด ตัวกามกิเลสนี่ตัวเก่งที่สุด ตัวนี้ม้วนเสื่อลงไปแล้วไม่มีตัวไหนดีดตัวไหนดิ้น บ้านเมืองสงบร่มเย็นไปหมด เหมือนกับผู้ร้ายตัวมันเก่ง ๆ มัดมันใส่คุกใส่ตะรางแล้วบ้านเมืองก็อยู่เย็นเป็นสุข ตัวนี้มัดใส่คุกใส่ตะรางฟาดมันม้วนเสื่อแล้วแสนสุขแสนสบาย เพราะฉะนั้นพระอนาคามีท่านจึงไม่กลับมาเกิดอีก เพราะตัวนี้เป็นตัวยุ่งที่สุดเลย นี่สอนขนาดนั้นยังไม่รู้อยู่เหรอ

เราหวังเอาอะไรกับโลกเวลานี้เราสอนโลก หวังเอาหัวใจเท่านั้นนะ เราไม่ได้หวังอะไรในโลกอันนี้ ตัวของเราจะตายวันไหนไม่ห่วง ไปพร้อมเสมอเวลานี้ ไม่ห่วงโลกเราไปนานแล้วนะพูดจริง ๆ มันจะไปอยู่หลายครั้งแล้วถ้าปล่อยก็ผึงเลย พอรั้งได้ก็รั้ง รั้งไม่ได้ก็ปล่อย เดี๋ยวนี้พอรั้งได้ก็รั้งไว้เพื่อโลกนั่นเอง พูดให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยก็ว่าเราหวังอะไรเวลานี้ เราไม่ได้หวังอะไรนี่นะ บิณฑบาตเมื่อเช้านี้ก็ ๕๘-๕๙ บาตร จะกินให้ตายก็ตาย จะกินอะไรนักหนา ห่วงอะไรห่วงเจ้าของ ตื่นขึ้นมานี่จิตใจออกทางโลกแล้วนะ ออกทางโลกด้วยความสงสารสงเคราะห์นั่นแหละ ไปแล้วจิต อันไหนอันดับหนึ่ง อันไหนอันดับสอง อันดับสาม อันดับสี่ที่จะช่วย เป็นอย่างนั้นนะ

มันไม่ได้มาอยู่กับเจ้าของนี่ เจ้าของจะเป็นจะตายก็ตาม บิณฑบาตเดินไปตามทางล้ม เดี๋ยวนี้จึงไม่ไปบ้านน้อยนะ เดินไป ๆ ล้ม แต่ล้มด้วยความมีสติก็ไม่เป็นไร ล้มลุกขึ้นไปอีก....ล้มอีก ก็จะไปอะไรนักหนา...กลับคืนมารับที่หน้าวัด ไม่ทิ้งลวดลายแหละ ไปโน้นไม่ได้มาเอาตรงนี้ จากนั้นมาเลยไม่ไป แม้เช่นนั้นยังไม่เป็นห่วงเจ้าของนะ ก็ธาตุขันธ์เฉย ๆ เครื่องใช้เฉย ๆ ดูใจกับธาตุขันธ์ให้ชัดเจนซิ ใจอยู่ตรงกลางนี้ธาตุขันธ์อยู่ข้างนอกนี้ ถ้าเป็นมหาสมุทรก็เป็นเกาะ เกาะของจิตเกาะของมหาสมุทร พิจารณาให้เห็นชัดอย่างนั้นแล้วหายสงสัย

นี่ละพระพุทธเจ้ารู้อย่างนี้แหละมาสอนโลก ไม่ใช่รู้แบบงู ๆ ปลา ๆ สุ่ม ๆ เดา ๆ เหมือนพวกเราเกาหมัดด้วย สุ่ม ๆ เดา ๆ เกาหมัดด้วย เกาดะไปด้วยนะเก่งกว่าหมา หมามันเกาที่คัน ๆ แต่นี้เกาดะไปเลย ไม่ว่าลูกใครผัวใครเมียใครเกาดะไปเลย พวกบ้ากามพวกหน้าด้าน หนังสือพิมพ์ออกนี่คนไม่นุ่งเสื้อนุ่งผ้าแล้วนะเวลานี้มันด้านขนาดนั้น จิตใจต่ำทรามขนาดนี้เชียวเหรอ ๆ ต่อไปจะไม่มีใครนุ่งเสื้อนุ่งผ้าแหละมันเกะกะ แต่งตัววันเกิดล่อนจ้อนไปเลยนั่นแหละไม่เกะกะ เลยหน้าด้านแล้วไม่เกะกะ อะไรไม่เกะกะทั้งนั้น มันหมดแล้วนะศีลธรรมเวลานี้จะไม่มีเหลือแล้วนะ

ผู้ทรงศีลทรงธรรมนี้ต้องแอบ ๆ ซ่อน ๆ นะหลบ ๆ ซ่อน ๆ ผู้ไม่มีศีลมีธรรมผู้เป็นอันธพาลเต็มบ้านเต็มเมืองเต็มตลาดลาดเลเวลานี้ ออกเพ่นพ่านเพราะอำนาจกิเลสฝ่ายต่ำมาก ฝ่ายศีลธรรมที่จะรักษาความดีรักษาโลกให้มีความแน่นหนามั่นคงสงบร่มเย็นนี้มีน้อยมาก เพราะฉะนั้นจึงไม่ทันกัน ๆต่อไปศีลธรรมก็หลบซ่อน จะไปวัดไปว่านี้ไปหลบ ๆ ซ่อน ๆ แล้วนะ ออกหน้าออกตาไม่ได้แล้วกิเลสหัวเราะ ขนาดนั้นนะ แล้วกองทุกข์เต็มหัวใจ ๆ ไม่มองดู มันมาจากกิเลส มาจากศีลจากธรรมที่ไหนมี ไม่เคยมี มาจากกิเลสทั้งนั้น แต่ไม่ดูซิ

ทุเรศจริง ๆ นะเฒ่าแก่มาเท่าไรมองดูสลดสังเวชนี่นะ ตามีหูมีใจมีไม่อดคิดได้เหรอ ตามองเห็นพับกระเทือนเข้าใจแล้ว หูฟังพับกระเทือนเข้าหัวใจแล้ว ใจเป็นผู้คิดผู้อ่านผู้พิจารณาผิดถูกชั่วดีประการต่าง ๆ แล้วทำไมจะไม่ได้เรื่องออกมา ต้องได้ซิ อันนี้มีแต่เรื่องสุ่มสี่สุ่มห้าขี้หมูราขี้หมาแห้งน่าทุเรศจริง ๆ นะ ความไม่มีศีลมีธรรมเป็นอย่างนี้แหละ เลอะเทอะไปหมดเลย

เราไม่ต้องพูดที่อื่นแม้แต่ในวงวัดนี้ก็เอาซิ พระปราศจากศีลธรรมปราศจากวินัย พระไม่รักษาวินัยเสียอย่างเดียวนี้เลอะทันทีเลย แตกกระจัดกระจายอยู่ด้วยกันไม่ได้ พระอยู่ด้วยกันได้เพราะพระมีวินัย ต่างองค์ต่างมีวินัย ชีวิตจิตใจอยู่กับวินัยของพระพุทธเจ้า เข้มงวดกวดขัน ตัวเองเข้มงวดกวดขันตัวเองแล้วต่างองค์ก็ต่างเข้มงวดกวดขัน ต่างองค์ก็อยู่ด้วยกันสนิท นี่มากี่ภาค ในวัดป่าบ้านตาดมีทุกภาค เรียกว่าทั่วเมืองไทยมาอยู่ที่นี่เต็มไปหมด แล้วทำไมท่านอยู่เย็นเป็นสุข เพราะหลักธรรมหลักวินัยพาให้อยู่เย็นเป็นสุข ไม่ใช่กิเลสพาให้อยู่เย็นเป็นสุข มีมากมีน้อยอยู่เย็นเป็นสุข ไม่เฟ้อความดี ไม่เหมือนความชั่ว กิเลสไม่ให้เฟ้อทั้ง ๆ ที่มันเฟ้อ ขึ้นรายเดียวนี้ก็เฟ้อแล้วแต่กิเลสไม่ให้เฟ้อ ให้เป็นบ้ากับมันตลอดไป

น่าทุเรศจริง ๆ นี่จะว่าไง โห ฆ่ากันนี้เร็วที่สุดเลย ความอดความทนความให้อภัยกันไม่ค่อยจะปรากฏแล้วเวลานี้ นั่งรถไปดูก็รู้ รถคันไหนมีอัธยาศัยดีมีธรรมในหัวใจบ้าง สวนทางกันก็รู้ แซงกันก็รู้ เขาแซงมาก็รู้ ศีลธรรมหมดไป ๆ น่าทุเรศจริง ๆ นะ ทั้ง ๆ ที่ธรรมะพระพุทธเจ้าเลิศโลกตลอดเวลามานะ แต่กิเลสมันคอยกลบ ๆ เอาไว้ไม่ให้เห็น ๆ ไม่ให้รู้ ๆ มันเอาแต่เรื่องของมันออกตลาด ๆ พวกเราก็พวกโง่ชะมัด ติดพันกันเป็นบ้าไปเลยติดพันกิเลส

พากันจำให้ดีนะ ความดีเท่านั้นที่จะต้านทานความชั่วความทุกข์ความทรมานทั้งหลายได้ ไม่ว่าภพนี้ภพหน้าภพไหนก็ตามมีความดีเท่านั้นที่จะถอดตัวของเราหรือถอนตัวของเราออกจากกองทุกข์ได้ นอกนั้นไม่มี ฟังแต่ว่านอกนั้นไม่มี เพราะกิเลสกับธรรมเป็นข้าศึกกันมาแต่กาลไหน ๆ นี้กงจักรของกิเลส นี้กงจักรของธรรม ฟัดกันอยู่ตลอดเวลาอย่างนี้ ถ้าฝ่ายธรรมมีกำลังมากฝ่ายธรรมก็ถอดความดีคนดีนี้ออกได้ ฝ่ายดีออกได้ ๆ ถ้าฝ่ายธรรมไม่มีกำลังก็จมอยู่กับกิเลส พันกันอยู่นั้นตลอดเวลา นอกนั้นไม่มีอะไรมาช่วยได้ มีธรรมเท่านั้น ธรรมคือความดี ให้พากันสร้างนะความดี

อย่ากลัวทุกข์กลัวจน ความกลัวทุกข์กลัวจนโดยไม่บริจาคทานที่เป็นการกุศลแก่หัวใจเจ้าของ นั่นแหละคือเรื่องของกิเลสร้อยเปอร์เซ็นต์ให้พากันรู้เสีย มีเท่าไรก็กอบเข้ามากวาดเข้ามา ไม่พอกับความต้องการของกิเลส กอบเข้ามา ๆ เวลาตายแล้วเอาฟืนเผาไม่ได้เอาสิ่งเหล่านี้เผานะ แล้วเจ้าของไปจมกิเลสไม่จม มันเหยียบหัวใจไปเรื่อย ๆ อย่างนั้น คิดดูซิจะทำความดีอะไรต้องกีดต้องขวางจากกิเลสแหละไม่มีรายไหน นอกจากกิเลสหมดจากหัวใจแล้วไม่มีอะไรกีดขวาง ถ้ามีมากมีน้อยต้องแสดงอาการกีดขวางจนได้แหละให้เห็นชัด ๆ มีมากมีน้อย

เราจะทำความดีมากน้อยกิเลสจะมีมากน้อยออกมาเรื่อย ๆ มากีดมากันมาขวางเรา ครั้นเวลาจะพึ่งเป็นพึ่งตายพึ่งธรรมนะไม่ได้พึ่งกิเลส กิเลสเป็นตัวมารต่างหากมันหากกีดหากขวาง เราโง่จมไปกับมันเรื่อย ๆ นั่นซิ จะทำอะไรไม่ได้ทำง่าย ๆ นะถ้าจะทำความดี ต้องหาช่องหาทางหาดูฤกษ์ดูยามดูดวงชะตาราศีเสียก่อนจึงจะมาทำบุญ บทเวลากิเลสมันฟาดเอาหัวแตกไม่เห็นได้ดูฤกษ์ดูยามอะไร พากันจำเอานะ

วันนี้เทศน์เท่านั้นละหมดภูมิแล้วหลวงตา ป.๓


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก