ประวัติแห่งชีวิตชาติไทย
วันที่ 5 พฤษภาคม 2545
สถานที่ : สนามที่ว่าการอำเภอกันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ

ค้นหา :

[รวมเวลาแสดงธรรม ๔๕ นาที]

ขอเรียนให้ทราบผู้ตากแดดก็ให้ทนเอานะ ตากแดดฟังเทศน์ในจังหวัดศรีสะเกษและจังหวัดอื่น ๆ ก็ไม่เคยมี มามีในวันนี้อำเภอกันทรลักษณ์เรา พี่น้องทั้งหลายมีศรัทธาแก่กล้า ตั้งหน้าตั้งตามาฟังเทศน์ ไม่คำนึงคำนวณถึงความร้อนของแดดแต่ประการใด วันนี้เป็นวันที่เรามีอานิสงส์มากต่อสู้กับความทุกข์ คือแดดทั้งหลาย ฟังการเทศนาว่าการ ในขณะฟังเทศน์กรุณางดการถ่ายภาพทั้งหมดนะ เคยเตือนเสมอ เวลาเทศนาว่าการถ่ายภาพมาถ่ายในขณะที่เทศน์ไม่เหมาะสมเลย เสียผลเสียประโยชน์มากมายทั้งผู้เทศน์และผู้ฟัง ไม่ได้ประโยชน์เท่าที่ควร จึงกรุณาให้งดทั้งหมด ยิ่งเสียงงดได้ยิ่งดี เสียงอะไรต่ออะไรเอิกเหริกเฮฮาที่มาเป็นข้าศึกต่อการเทศน์และการฟังเทศน์ไม่เป็นของดี ให้ระงับไว้ก่อน เวลาเทศน์จบลงแล้วใครมีกี่ปากก็พูดออกมาได้หมด หลวงตาไม่ห้ามแต่ให้ไปพูดอยู่ทุ่งนา อย่าให้มาพูดต่อหน้าหลวงตาก็แล้วกัน เวลาเทศน์ให้สงบทุกสิ่งทุกอย่าง เปิดหูไว้ เปิดใจไว้สำหรับฟังเทศน์จะได้ยินได้ฟังอรรถธรรมเข้าสู่ใจ

วันนี้ก็จะได้เริ่มเทศนาว่าการเกี่ยวกับพี่น้องทั้งหลายชาวจังหวัดศรีสะเกษของเรา วันนี้โดยมีนายวิเชียร อภิรัตน์มนตรี ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดกันทรลักษณ์เรามาเป็นประธาน มาเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรกับพี่น้องทั้งหลายรู้สึกว่ามีความร่มเย็นมาก ได้ท่านผู้พิพากษาผู้วินิจฉัยด้วยสติปัญญาละเอียดถี่ถ้วน ก่อนที่จะตัดสินเรื่องราวอะไร ๆ ออกมานี้ต้องได้ใช้ความพินิจพิจารณามากมายเพื่อความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย วันนี้ได้ท่านมาเป็นประธานในงานนี้ รู้สึกเป็นเกียรติของพี่น้องชาวจังหวัดศรีสะเกษของเราอย่างมากมาย นอกจากนั้นจังหวัดใกล้เคียงและไกลก็มี นู่นสมุทรปราการ ปากน้ำ กรุงเทพฯก็มากันเยอะ มาอยู่ที่นี่และจังหวัดอื่น ๆ ก็มามาก มาฟังอรรถฟังธรรม

เนื่องมาจากพี่น้องทั้งหลายได้ริเริ่มกิจการงานมหากุศลเพื่อช่วยชาติของเรา ได้ปรากฏขึ้นแล้วในวันนี้โดยความรักชาติของพี่น้องชาวไทยทั้งชาติ ความเสียสละด้วยความพร้อมเพรียงสามัคคีกัน นี้แลจะเป็นเครื่องหนุนชาติไทยของเราให้จีรังถาวรหนาแน่นมั่นคงขึ้นเป็นลำดับ ย่อมอาศัยความรักชาติ ความสามัคคี ความเสียสละ ต่างท่านต่างเสียสละมากน้อยด้วยน้ำใจที่รักชาตินี้รู้สึกว่ามีคุณค่ามากทีเดียว สมบัติเงินทองเวลานี้เข้าสู่คลังหลวงเราเป็นที่พอใจ จะได้เรียนให้พี่น้องทั้งหลายที่ยังไม่เคยทราบได้ทราบกันบ้างในวาระนี้ แต่ก่อนเราติดหนี้ติดสินเขาพะรุงพะรัง ชาติไทยของเรารอที่จะจมลงทะเลหลวงอยู่ในไม่ช้า ปี ๒๕๔๐ เป็นปีที่แจ่มแจ้งมาก เสี่ยงมหาภัยที่คนไทยทั้งชาติจะล่มจมลงทะเลหลวงเพราะการติดหนี้ติดสินของเมืองนอกเมืองนาเขาที่เป็นเจ้าหนี้ของพวกเรา

เงินที่ติดหนี้เขานั้นไม่ใช่น้อย ๆ ตั้งหลายแสนล้านดอลลาร์ ฟังสิว่าหลายแสนล้านดอลลาร์ ไม่ใช่หลายแสนล้านบาทนะ หลายแสนล้านดอลลาร์ คนไทยของเรา ๖๒ ล้านคน ติดหนี้เขาคิดแล้ว ตัวเลขละ ๕๐,๐๐๐ บาท คน ๖๒ ล้านคน คนละ ๕๐,๐๐๐ บาทเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ นี่แหละหลักใหญ่ที่เราทั้งหลายได้เสี่ยงอันตรายต่อความล่มจมแห่งชาติของเราในครั้งนี้ จึงเรียกว่าเป็นประวัติแห่งชีวิตของชาติไทยก็ได้ หลวงตาบัวเองแต่ก่อนบวชมาในพุทธศาสนาสนใจเฉพาะข้ออรรถข้อธรรม ประพฤติตนด้วยศีลสมาธิปัญญาโดยถ่ายเดียวเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับทางการบ้านเมืองเลย ปล่อยให้ทางชาติบ้านเมืองทำหน้าที่ไปตามประเพณีหรือกฎเกณฑ์ซึ่งเคยปฏิบัติต่อชาติของตนมา

เราก็เป็นผู้ปฏิบัติตามศีลตามธรรม แนะนำสั่งสอนอบรมตนเองเรียบร้อยเป็นลำดับ แล้วก็แนะนำสั่งสอนประชาชนไปโดยถ่ายเดียวเท่านั้น ไม่ได้สนใจว่าจะช่วยชาติบ้านเมือง ดังที่ปรากฏอยู่เวลานี้ แต่ครั้นแล้วเราก็เป็นลูกหลานไทย เกิดในท่ามกลางแห่งเมืองไทย เมื่อได้เห็นเหตุการณ์ไม่เคยคาดเคยฝันได้ปรากฏซึ่ง ๆ หน้าพร้อมกับพี่น้องชาวไทย รอที่จะจมลงในทะเลหลวงด้วยความเป็นทาสเพราะการติดหนี้นั้นแล จึงอยู่ไม่ได้ถึงขนาดร้องโก้กขึ้นมาทันที ตั้งแต่บัดนั้นมาจึงได้ประกาศตนออกเป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลาย จะได้ห้าได้สิบได้กี่ตังก็เอา เราพอใจที่จะช่วยชาติบ้านเมืองจนกระทั่งหัวใจขาดดิ้น

ตั้งแต่บัดนั้นจึงได้ประกาศตนเป็นผู้นำแล้วเทศนาว่าเที่ยวขอบิณฑบาต รบกวนพี่น้องทั้งหลายทั่วประเทศไทยเรื่อยมา การเป็นผู้นำและแนะนะสั่งสอนพี่น้องชาวไทยในคราวนี้จึงรู้สึกว่าหนักมากทีเดียวแต่หลวงตาก็ทน เพราะเห็นว่าน้ำหนักแห่งเมืองไทยของเราทั้งชาตินี้หนักมากยิ่งกว่าความไม่สะดวกสบายหรือหนักในธาตุขันธ์ในจิตใจของเราเป็นไหน ๆ จึงต้องได้ฝ่าฟันอุปสรรคนี้ตลอดมา ไปสถานที่ใดบรรดาพี่น้องชาวไทยเราไม่ว่าภาคใดจังหวัดใดเหมือนกันหมด มีความพร้อมเพรียงสามัคคีด้วยความรักชาติ ไปเทศนาว่าการที่ไหนแน่นไปด้วยประชาชนที่มาบริจาค คนละเล็กละน้อยคนละมาก รวมกันเข้าได้เงินเป็นล้าน ๆ ขึ้นไป

เราจึงได้นำเงินเหล่านี้เข้าสู่คลังหลวงโดยซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวง นำทองคำล้วน ๆ เข้าสู่คลังหลวงด้วย และดอลลาร์ก็เข้าสู่คลังหลวงเช่นเดียวกัน เวลานี้ทองคำเราที่ได้เข้าสู่คลังหลวงเรียบร้อยแล้ว ๕,๐๙๒ กิโล ซึ่งเท่ากับน้ำหนัก ๕ ตัน ๙๒ กิโล ดอลลาร์ได้ ๖,๘๗๐,๐๐๐ กว่าดอลล์แล้วเวลานี้ สำหรับเงินไทยได้แยกออกไปซื้อทองคำ ๙๓๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท นี่ได้ซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงเรียบร้อยแล้ว เงินสดนอกจากนั้นหลวงตาได้แยกแยะออกไปช่วยคนทั้งประเทศทุกภาคตั้งแต่เริ่มสร้างสถานสงเคราะห์ โรงร่ำโรงเรียน ที่ราชการต่าง ๆ จนกระทั่งถึงโรงพยาบาล ตลอดมาจนกระทั่งบัดนี้

เวลานี้โรงเรียนก็ไม่ทราบว่ากี่สิบโรงตั้งแต่สร้างให้ สำหรับโรงพยาบาลนั้นช่วยเหลือหลายประเภท ทั้งเครื่องมือแพทย์ ทั้งสร้างตึก ทั้งรถทั้งราความจำเป็นอื่นใด เราช่วยทั้งนั้นเรื่อยมา โรงพยาบาลเวลานี้รวมแล้วร้อยกว่าโรงที่ได้ช่วยจากเงินสดที่พี่น้องทั้งหลายได้บริจาคผ่านหลวงตา กรุณาทราบตามนี้ ในชีวิตหลวงตานี้ก็เรียกว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ในความบริสุทธิ์ที่รับสมบัติจากพี่น้องทั้งหลายมากน้อยมาเป็นจุดรวมของเราคนเดียวเป็นผู้รับผิดชอบ สมบัติเหล่านี้เราได้ทุ่มเทตามจุดหมายของพี่น้องชาวไทยทุกบาททุกสตางค์ ไม่เคยมีความรั่วไหลแตกซึมไปที่ไหนเลย เพราะเหตุว่าเราเป็นผู้ควบคุมการเงินเสียเองซึ่งแต่ก่อนเราไม่เคยสนใจกับการเงินการทองเลย แต่พอมาเกี่ยวกับชาติบ้านเมืองนี้ เพื่อรักษาความแคล้วคลาดปลอดภัยสมบัติที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคนั้นให้สมมักสมหมายตามความตั้งใจไว้

หลวงตาจึงเป็นผู้ถือบัญชีเงินแต่ผู้เดียว บัญชีดอลลาร์ บัญชีทองคำ บัญชีเงินสด หลวงตาเป็นผู้ถือบัญชีและเป็นผู้สั่งเก็บสั่งจ่ายแต่ผู้เดียว ไม่ยอมให้ผู้หนึ่งผู้ใดมาทำงานทำหน้าที่แทนหลวงตาเลย เพราะเหตุนั้น สมบัติทุกบาททุกสตางค์ที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคมาจึงบริสุทธิ์เต็มส่วนของสมบัตินั้น ๆ เพราะหลวงตาเป็นผู้จัดการทำหน้าที่เสียเองด้วยความบริสุทธิ์ใจและความเมตตาครอบไว้หมด เนื่องจากก่อนที่จะนำพี่น้องทั้งหลายนี้ก็เพราะความเมตตาสงสารชาติไทยของเราทั้งชาตินั้นแหละ จึงต้องตะเกียกตะกาย

ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีคำที่ว่าสนใจที่จะหยิบที่จะแบ่งสันปันส่วนสิ่งใดในบรรดาสมบัติที่มีมากน้อยซึ่งได้รับบริจาคจากพี่น้องทั้งหลายมาเป็นส่วนตนนั้นเรียกว่าไม่มีเลยร้อยเปอร์เซ็นต์ หลวงตารับรองยืนยันได้ตลอดไปจนกระทั่งวันตายเมื่อยังช่วยพี่น้องทั้งหลายอยู่ ความบริสุทธิ์อันนี้จะต้องประกาศใช้คู่เคียงกันไปกับการจับการจ่ายใช้สอยจะไม่ให้รั่วไหลแตกซึมไปไหนเลย ขอให้พี่น้องทั้งหลายตายใจได้เลยว่า หลวงตานี้จะเป็นประวัติศาสตร์องค์หนึ่งในการที่นำสมบัติของพี่น้องทั้งหลายทั่วแผ่นดินไทยมารวมอยู่ในจุดเดียวกัน โดยหลวงตาเป็นผู้จัดผู้แจกผู้จ่ายผู้ใช้สอยเพื่อประโยชน์ส่วนรวม มีคลังหลวงเป็นต้น ว่าสมบัติเหล่านี้ไม่มีการรั่วไหลแตกซึมไปไหนเลย

ใครจะมาโกหกมายาหลอกลวงพี่น้องทั้งหลายว่าหลวงตาเอาเงินไปใช้ในทางนั้นทางนี้ ขอให้ทราบทันทีเลยว่า พวกนี้เป็นพวกสกปรกโสมมเหลือที่จะให้อภัย เกินกว่าที่เราจะนำมาพิจารณาให้เสียเวล่ำเวลาของเรา จึงขออย่าได้พิจารณาให้เสียเวล่ำเวลาไปเปล่า ๆ หลวงตาเองเป็นผู้ประกาศกับพี่น้องทั้งหลายด้วยความสัตย์ความจริงเพราะอำนาจแห่งการรักษาศีลรักษาธรรมมาตั้งแต่วันบวชจนกระทั่งบัดนี้ หลวงตาไม่เคยล่วงเกินแม้ศีลที่บวชมาแล้วในวันนั้นจนกระทั่งถึงบัดนี้ ไม่เคยมีการล่วงเกินศีลด้วยความทะลึ่ง หรือด้วยหิริโอตตัปปะ ด้วยความดื้อด้านสันดานหยาบ ไม่ละอายบาป อย่างนี้เราไม่เคยมีในใจของเราเลย รักษาไว้ทุกบททุกบาทตามข้อกฎบัญญัติที่ท่านกำหนดไว้แล้วอย่างไร ปฏิบัติด้วยความภูมิใจ มีศีลบริสุทธิ์มาตั้งแต่วันบวชเริ่มแรกจนกระทั่งบัดนี้ เราไม่เคยทำศีลของเราให้ด่างพร้อยด้วยความไม่มีหิริโอตตัปปะเลย เรียกว่าไม่ละอายบาปเราไม่เคยมี นี่เรื่องศีล

เรื่องธรรมเราก็บำเพ็ญเต็มกำลังความสามารถเรื่อยมา เริ่มตั้งแต่สมาธิ เราอยู่ด้วยความอบอุ่นเพราะศีลของเราที่รักษาสมบูรณ์เต็มที่แล้วตั้งแต่บวช อยู่ด้วยสมาธิคือการอบรมจิตใจให้มีความสงบเยือกเย็นประจักษ์ตนเรื่อยมา อยู่ด้วยปัญญาที่พินิจพิจารณาแยกแยะสิ่งทั้งหลายที่เป็นข้าศึกต่อจิตใจ ท่านให้ชื่อว่ากิเลสก็แยกแยะออกไปเป็นลำดับลำดา จนกระทั่งถึงวิมุตติหลุดพ้น หลวงตาไม่ได้สงสัยแล้วในธรรมของพระพุทธเจ้าว่าวิมุตติความหลุดพ้นนั้นเป็นอย่างไร พระองค์ทรงมอบให้ผู้ปฏิบัติเป็นผู้ไปพิสูจน์ตนเอง ตัวเองมีสิ่งมัวหมองมืดดำที่ตรงไหน ให้นำธรรมนี้ให้ไปขจัดปัดเป่ามัน

หลวงตาก็ได้พยายามเต็มกำลังความสามารถเรื่อยมา นับตั้งแต่บัดนั้นบวชมาถึงวันนี้แล้วได้ ๖๘ ปี จะครบ ๖๘ เต็มวันที่ ๑๒ เดือนพฤษภาฯนี้แหละ นี่เป็นการบำเพ็ญของเราที่ภาคภูมิใจต่อศีลต่อธรรมของตน ได้ปฏิบัติเต็มเม็ดเต็มหน่วยจนกระทั่งถึงวิมุตติหลุดพ้น ในหัวใจนี้ไม่มีสมมติใดที่จะแทรกได้แล้ว เป็นจิตที่หลุดพ้นสุดส่วนตามโอวาทคำสอนของพระพุทธเจ้า เราจะเรียกว่าถึงนิพพานทั้งเป็นเราก็ไม่สงสัยในหัวใจของเรา ธรรมเหล่านี้แลที่เราได้อุตส่าห์พยายามปฏิบัติตะเกียกตะกายมาตั้งแต่วันบวชจนกระทั่งถึงบัดนี้ จนกระทั่งจิตนี้ได้เพียงพอแล้วกับทุกสิ่งทุกอย่าง ปล่อยหมดแล้วในสามแดนโลกธาตุ ไม่มีสิ่งใดจะมาติดจิตติดใจของเราตั้งแต่บัดนั้นมา

คำว่าทุกข์ที่โลกแบกหามกันภายในหัวใจ เต็มโลกธาตุนี้ไม่เว้นแต่ละดวง ๆ จิตของเราได้หลุดพ้นแล้วจากทุกข์ทั้งหลายโดยประการทั้งปวงมาตั้งแต่วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓ บนหลังเขาวัดดอยธรรมเจดีย์ จังหวัดสกลนคร เวลา ๕ ทุ่มเป๋งพอดี วันนั้นเป็นวันค่ำวัฏฏจักร คือกิเลสภายในจิตใจให้ขาดสะบั้นลงไปจากใจ พร้อมกับกองทุกข์ที่มีมากน้อยได้ขาดสะบั้นลงจากใจ ตั้งแต่บัดนั้นมา ใจดวงนี้ครองตั้งแต่บรมสุขโดยถ่ายเดียว ไม่เคยปรากฏว่ามีความทุกข์แม้เม็ดหินเม็ดทรายเข้ามาแทรกในหัวใจนี้เลย จึงได้ประกาศตนภายในจิตใจตัวเองว่า หมดแล้วเรื่องชาติเรื่องโทษ ญาณญฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทิ ความรู้ความเห็นที่เลิศเลอได้เกิดขึ้นแล้วภายในใจของเรา อกุปฺปา เม วิมุตฺติ ความหลุดพ้นจากทุกข์โดยประการทั้งปวงจะไม่ต้องกลับมาเกิดอีกแล้ว เหล่านี้เราไม่มีการกำเริบแล้ว เรียกว่าหลุดพ้นโดยสิ้นเชิง อยมนฺติมา ชาติ ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา จะได้เผาตั้งแต่อัตภาพที่ยังมีชีวิตหรือขณะที่กำลังนั่งเทศน์อยู่นี่ พอตายแล้วก็เผาในซากอันนี้

ส่วนจิตใจที่จะพาร่างไปเกิดที่นั่นที่นี่ให้ได้เผาอีกต่อไป ไม่มีแล้ว เรียกว่าอยมนฺติมา ชาติ ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา เผาเราก็จะได้เผาในชาตินี้เท่านั้น นตฺถิทานิ ปุนพฺภโว บัดนี้ความเกิดความตายอันเป็นการแบกหามกองทุกข์ของเราซึ่งเคยมีมาตั้งกัปตั้งกัลป์ ได้สิ้นสุดวิมุตติหลุดพ้นไปโดยสิ้นเชิงแล้ว เราจะไม่กลับมาเกิดอีกแล้วนับตั้งแต่ขณะกิเลสขาดสะบั้นลงจากใจ ร่างกายนี้จึงเป็นอัตภาพหรือร่างกายวาระสุดท้ายของเรา นี่แหละผลแห่งการปฏิบัติตามศาสนธรรมของพระพุทธเจ้า ซึ่งท้าทายความจริงท้าทายมรรคผลนิพพานต่อผู้บำเพ็ญอยู่ จะต้องได้รับอย่างนี้ด้วยกันเมื่อตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติ เพราะศาสนธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นศาสนาที่เรียกว่าตลาดแห่งมรรคผลนิพพาน ไม่มีอะไรบกบางลงไปเลยตั้งแต่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ขึ้นมาจนกระทั่งบัดนี้

เมื่อมีผู้ปฏิบัติตามพระโอวาทซึ่งเป็นแนวทางให้หลุดพ้นอยู่ตราบใด พระอรหันต์ผู้สิ้นกิเลสจะมีอยู่ตลอดไป เว้นแต่ไม่ได้สนใจในภาคปฏิบัติ เรียนก็เรียนแบบนกขุนทอง จำได้แต่ชื่อแต่นามกิเลสตัณหานรกอเวจี สวรรค์นิพพานเท่านั้นแต่ไม่สนใจปฏิบัติ ผู้เช่นนี้ จะแบกคัมภีร์จนหลังหักก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรเพราะเรียนแบบหนอนแทะกระดาษ ไม่ได้สนใจนำภาคปฏิบัติอันเป็นแบบแปลนแผนผังที่ถูกต้องนั้นเข้ามากางแล้วปฏิบัติตามให้ปรากฏผลขึ้นมาเป็นศีลบริสุทธิ์เป็นสมาธิเต็มภูมิปัญญาเต็มภูมิ หัวใจหลุดพ้นเต็มหัวใจ ผู้ไม่ปฏิบัติแล้วจะไม่ได้พบเห็นธรรมดังที่กล่าวมาแล้วนี้เลย แต่ผู้ใดปฏิบัติแล้วผู้นั้นมีสิทธิที่จะบรรลุมรรคผลนิพพานได้เสมอกันกับพระพุทธเจ้าที่ยังทรงพระชนม์อยู่

ธรรมเหล่านี้ก็ได้มาประกาศกังวาลในหัวใจของหลวงตาแล้วตั้งแต่เริ่มแรกปฏิบัติ ศีลก็อบอุ่น สมาธิก็ปรากฏในใจ ประจักษ์ไม่ถามใคร ปัญญาทุกขั้นก็ปรากฏขึ้นในใจ ไม่ถามใครจนกระทั่งวิมุตติหลุดพ้นโดยสังหารกิเลสที่เป็นเหตุให้ก่อความทุกข์ขึ้นมาภายในใจให้สิ้นซากไปโดยสิ้นเชิง ตั้งแต่บัดนั้นมาความทุกข์จึงไม่เคยมีในใจ ทรงไว้ซึ่งความเลิศเลอซึ่งบรมสุขแบบอัศจรรย์เลยโลกเลยสงสารเท่านั้น การแนะนำสั่งสอนโลกเราจึงสั่งสอนด้วยความเมตตาล้วน ๆ เราไม่มีคำว่าแบ่งสันปันส่วนอันเกิดขึ้นจากความหิวโหยโรยแรง จะแบ่งเอานั้นเอานี้จากบรรดาพี่น้องทั้งหลายจึงไม่มี มีแต่ความบริสุทธิ์ใจและความเมตตาล้วน ๆ เท่านั้นที่ดำเนินเพื่อการช่วยชาติอยู่เวลานี้

กรุณาพี่น้องทั้งหลายได้เข้าอกเข้าใจตามนี้ นี่เป็นคำพูดของหลวงตาบัวพูดเอง พูดออกมาด้วยความมีสัตย์มีจริงมีศีลมีธรรมมีเหตุมีผลมีหลักมีเกณฑ์ทุกอย่าง ไม่มีคำว่าโกหกหลอกลวงต้มตุ๋นหรือโจมตีผู้ใด ๆ ก็ตาม ไม่เคยมี ศีลธรรมไม่มี เรื่องนั้นเป็นเรื่องของกิเลสโสมมสกปรกเป็นเรื่องฟืนเรื่องไฟเรื่องของกิเลสล้วน ๆ เราไม่นำมาใช้ในวงแห่งธรรมทั้งหลาย แม้ใครจะประกาศโฆษณาว่าหลวงตานี้ได้นำเงินพี่น้องทั้งหลายที่บริจาคมาแล้วเข้าพุงหลวงตา อันนี้ก็เคยได้ยินมาโดยสม่ำเสมอ จากคำโจมตีของพวกเปรตพวกผีที่เลวร้ายทั้งหลาย แต่หลวงตาไม่เคยสนใจเพราะการกระทำทุกอย่างหลวงตาเป็นผู้ทำเอง เขาไม่ใช่ผู้ทำ เขาเป็นแต่เพียงมาโฆษณา

แม้ที่สุดทะเบียนบัญชีทองคำ ดอลลาร์ เงินสดที่หลวงตากำไว้ในเงื้อมือ ตรวจทานอยู่ตลอดเวลา เขาก็ไม่เคยมาดูมาเห็นว่าหลวงตาจ่ายไปเท่าไหร่ จ่ายอะไรบ้าง จนกระทั่งไม่มีอะไรเหลือติดกระเป๋า หลวงตาเป็นผู้ทำเอง เขาไม่เคยได้มาเห็นแต่เขาก็โฆษณาโจมตีแบบหน้าด้านหน้ามึน แบบเปรตแบบผี แบบไม่มีศีลมีธรรมทั้ง ๆ ที่เป็นพระหัวโล้น ๆ โกนคิ้วแต่กอบโกยเอาความโกหกมายามาหลอกลวงโลก แทนที่จะเอาธรรมมาประกาศสอนโลกด้วยความสัตย์ความจริงไม่มีเลย เหล่านี้ขอให้พี่น้องทั้งหลาย ชั่งน้ำหนักเอา

พวกนี้ไม่เคยทำประโยชน์ให้โลกแม้บาทหนึ่งสองบาทพอปรากฏในทะเบียนบัญชีเลยว่า พวกนี้เขาได้เอาทองคำมาใส่คลังหลวง ๕ บาทหรือ ๑๐ บาท ดอลลาร์ ๓ ดอลลาร์หรือ ๕ ดอลลาร์ เงินบาท ๕ บาท ๑๐ บาท ไม่เคยมีแม้ชิ้นเดียว จนกระทั่งบัดนี้ตั้งแต่เริ่มช่วยชาติบ้านเมืองมา มีตั้งแต่เรื่องคอยทำลายเท่านั้น ใครจะทำอะไรก็ตาม ผู้ทำดีทำแทบเป็นแทบตายแทบจะไม่ได้หายใจเพื่ออุ้มชาติบ้านเมืองด้วยความตะเกียกตะกายเต็มเม็ดเต็มหน่วย ทำตั้งแต่ความดี แต่ผู้ที่ไม่ได้ทำอะไรจะมาหนุนให้พออนุโมทนาบ้างหนึ่งบาทสองบาทก็ไม่เคยมี แต่ครั้นแล้วก็มาถีบคอยยันคอยเตะคอยเผาคนดีที่สร้างไว้แล้วอย่างไรซึ่งเป็นสาระประโยชน์ คอยมาถีบมายันมาเผาไปเรื่อย ๆ อย่างนี้

ให้ท่านทั้งหลายพิจารณาชั่งน้ำหนักเอานะ หลวงตาจะไม่พูดอย่างอื่นอย่างใด เรื่องของหลวงตานี้เต็มเม็ดเต็มหน่วยที่ช่วยชาติไทยของเรามาจนกระทั่งบัดนี้ กับเรื่องที่คอยโจมตีผู้อื่นซึ่งหาสาระไม่ได้ ตัวเองไม่ได้สร้างคุณงามความดีพอเป็นที่ระลึกแม้นิดหนึ่งเลย มีตั้งแต่เรื่องการโจมตีการทำลายทำร้ายผู้อื่นที่เขาทำดีนี้เป็นข้อที่ควรจะนำมาพิจารณาให้รู้ทั่วถึงกันในบรรดาพี่น้องชาวไทยที่รักชาติทั้งหลายนะ การทำอย่างนี้เป็นการรักชาติหรือเป็นการทำลายชาติ คนหนึ่งสร้างความดีพร้อมด้วยคนทั้งประเทศ หนุนสมบัติเงินทองข้าวของเข้าสู่คลังหลวงของเรา อีกพวกหนึ่งมีแต่คอยกีดกันมีแต่คอยทำลาย กีดกันนี้กีดไปทุกแห่งทุกหนทุกซอกทุกมุม กระซิบกระซาบ ดีไม่ดีเงินป้อนเข้าไป หว่านด้วยเงิน

อันนี้มีคนมาเล่าให้ฟัง เราก็พูดตามเขามาเล่าให้ฟัง เราไม่เห็นก็บอกว่าเราไม่เห็น เราจึงเรียกว่าเราโกหกไม่ได้เพราะเราพูดตามคำสัตย์คำจริง ในความพินิจพิจารณาของเรานั้น เราแน่ใจแล้วว่าพวกนี้เป็นไปตามที่เขาเล่าให้ฟังจริง ๆ มีตั้งแต่เงินหว่านล้อมที่จะซื้อเอาเมืองไทยด้วยการอุดปากของคนไม่ให้คนเขาพูด ตามหลักความจริงทั้งหลายให้วิ่งไปตามความโกหกหลอกลวงเพื่อพวกเปรตพวกผีนี้จะได้ครองบ้านครองเมือง เอาตับเอาปอดของมนุษย์มากินเลี้ยงกันในสองสามโต๊ะสองสามเก้าอี้เท่านั้นแล้วก็ขี้ราดลงบนหัวพี่น้องชาวไทย ๖๒ ล้านคน เป็นยังไงพี่น้องทั้งหลายเทียบเคียงเอานะ

หลวงตาจะไม่กล่าวตำหนิติโทษที่ไม่จริง เราจะพูดตามหลักความจริงล้วน ๆ ที่เคยได้ยินได้ฟังมา เวลานี้เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ไปที่ไหนเรื่องราวของเงินนี้จะอุดปากให้เป็นเครื่องมือของมันได้ดี นี่พี่น้องทั้งหลายให้ระมัดระวัง เงินประเภทนี้เป็นเงินสังหารชาติไทยของเรา สังหารตัวของเราด้วย สังหารชาติไทยของเราด้วย เงินที่ได้รับมาจากการป้อนการอุดปากของเราอย่างนี้ เป็นเงินที่เป็นภัยต่อเราและเป็นภัยต่อชาติบ้านเมืองของเรา บ้านเมืองของเราจะล่มจมเพราะสมบัติเหล่านี้เป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้คนทั้งชาติได้โดยไม่ต้องสงสัย

มีความจริงอย่างไรดังที่เราปฏิบัติมานี้ ขอให้ท่านทั้งหลายปฏิบัติตามนี้ นี้เป็นความเจริญรุ่งเรือง นี้เป็นความหนุนขึ้นโดยลำดับแห่งสมบัติทั้งหลายที่เข้าสู่คลังหลวงของเรา ดังพี่น้องทั้งหลายได้บริจาคทั่วหน้ากันทั้งแดนไทยของเรานี้เรื่อยมา นี่เป็นสมบัติที่เป็นมงคลแก่ชาติบ้านเมืองของเราโดยแท้ ใครมีมากมีน้อยหนุนขึ้นโดยลำดับ ดังวันนี้พี่น้องทั้งหลายก็ได้นำมาบริจาคเสียสละ ธรรมดาสมบัติไม่ว่าใครจะมีมากมีน้อย ย่อมมีความรักความหึงหวงในสมบัติของตนเป็นธรรมดาด้วยกัน แต่นำมาบริจาคเพื่อชาติไทยของเราซึ่งเป็นหัวใจของชาติแล้วไม่มีความเสียดาย มีเท่าไหร่ก็นำมาบริจาค ยังตั้งกระจัดกระจายอยู่เวลานี้ เต็มไปด้วยสมบัติเงินทองของน้ำใจพี่น้องทั้งหลายทั้งนั้นที่นำมาบริจาคนี้ นี่เป็นสมบัติที่เป็นมหาคุณต่อชาติไทยของเรา

สมบัติประเภทนี้เป็นมหาคุณ สมบัติที่เรารับจากเขามายื่นให้ปิดปากอุดปากด้วยเงินเท่านั้นบาทเท่านี้หมื่นเท่านี้แสนเท่านั้นล้าน นั่นคือกองฟืนกองไฟ อย่าไปแตะต้อง ถ้าไม่อยากสังหารชาติไทยของเราให้ล่มจมทั้งชาติ อย่าเห็นสิ่งเหล่านี้ซึ่งเป็นฟืนเป็นไฟว่าเป็นของดิบของดี มันจะเผาได้ทั้งชาติทั้งศาสนาให้จมไปด้วยกันนั่นแล เพราะโลกเห็นแก่เงินไม่ได้เห็นแก่สาระคุณประการใด แต่โลกของเมืองไทยเรานี้เป็นโลกแห่งชาวพุทธ เป็นลูกแห่งชาวพุทธ ขอให้ดูอันใดเป็นเหยื่อล่อปลา เหล่านี้เป็นเหยื่อล่อปลาทั้งนั้น ติดไว้ปลายเบ็ด ปลาตัวโง่ก็ไปกลืนเหยื่อล่อเข้าไปก็เท่ากับกลืนเบ็ดเข้าไป เขาตวัดทีเดียวเลือดสาด

เราอย่าให้เป็นปลาตัวโง่ถูกเขาหลอกลวงเอาเงินมาอุดปากซึ่งเป็นเหมือนเหยื่อล่อปลาแล้วจะทำลายทั้งเราทั้งชาติให้จมไปด้วยกัน ไม่สมควรอย่างยิ่งกับชาติที่มีคุณค่ามากซึ่งพ่อแม่ปู่ย่าตายายบรรพบุรุษของเราพาถ่อพาพายพาคืบพาคลานมาจนกระทั่งบัดนี้ จนเป็นเมืองไทยเต็มตัวเรื่อยมานี้ อย่าได้ไปหลงกลอุบายของเหยื่อล่อปลา ทำลายชาติไทยของเราให้ล่มจม จะเป็นที่สลดสังเวชอย่างมาก ในเมืองไทยของเราไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ ขออย่าให้มีในเมืองไทยของเราด้วยเหตุแก่สินจ้างรางวัล มาทำลายตัวเอง ไม่สมควร เขาเอาเงินยื่นให้ ๕ บาทให้ตัดแข้งก็ตัด เขายื่นเงินให้ ๑๐ บาทให้ตัดขาของเราก็ตัด เขายื่นเงิน ๒๐ บาทให้ตัดแขนของเราเราก็ตัด ยื่นเงินให้ ๓๐ บาทให้ตัดคอของเราเราก็ตัด

อย่างนี้เรียกว่าเป็นมนุษย์ที่โง่เขลาที่สุด ไม่มีอันใดที่จะให้อภัยได้ ถ้าเมืองไทยของเราทำแบบนี้แล้ว ชาติไทยนี้จะเป็นชาติที่ล่มจมหาเวลาฟื้นตัวขึ้นไม่ได้เลย จนกระทั่งตั้งกัปตั้งกัลป์ก็ไม่มีทางที่จะฟื้นได้ ขอให้ระวังมหาภัยนี้เสียตั้งแต่ต้นทาง เราจะมีวิธีการหลบหลีกปลีกตัวได้โดยไม่สนใจกับสิ่งเหล่านี้ นอกจากปัดมันออกให้ห่างไกลต่อตัวต่อชาติไทยของเรา แล้วพยายามบำรุงรักษาชาติไทยของเราด้วยความชอบธรรม ดังที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคอยู่เวลานี้ คิดดูสิทองคำได้ถึง ๕ ตันแล้วเวลานี้ เป็นน้ำใจของพี่น้องชาวไทยของเราให้จีรังถาวรสืบต่อไป ดอลลาร์เงินสดก็เหมือนกันหนุนชาติไทยของเราให้มีความแน่นหนามั่นคงยิ่งขึ้น

นี่เป็นความชอบธรรม เป็นมหากุศลแก่พี่น้องชาวไทยเราทั้งชาติ คำว่ามหากุศล คือสมบัติเงินทองตั้งแต่ทองคำลงมาจนกระทั่งเงินสด เรานำเข้าสู่คลังหลวงและทำประโยชน์อย่างอื่นเต็มเม็ดเต็มหน่วย อันนี้เรียกว่าวัตถุหนุนชาติไทยของเราให้มีความแน่นหนามั่นคงยิ่งขึ้น ส่วนนามธรรมคือการบริจาคของเรา บุญกุศลนั้นย้อนเข้ามาเป็นมหากุศลแก่ตัวของเราแก่ใจของเราเอง จึงเรียกว่าเราได้บุญสองชั้น ชั้นหนึ่งได้สมบัติวัตถุมีทองคำเป็นต้น เข้าสู่คลังหลวงของเรา อันดับที่สองกุศลผลบุญที่เราบริจาคทองคำเป็นต้น ย้อนเข้ามาเป็นมหากุศลหนุนจิตใจของเราให้ได้เป็นที่ยึดที่เกาะฝากเป็นฝากตาย เมื่อตายไปแล้วบุญกุศลเหล่านี้แหละจะเป็นเครื่องหนุนเราให้ไปสู่สวรรค์พรหมโลกและนิพพาน พ้นจากทุกข์ได้โดยไม่ต้องสงสัย เพราะมหากุศลที่เราบริจาคอยู่เวลานี้แหละ

จึงขอให้ท่านทั้งหลายได้เข้าอกเข้าใจตามนี้ วันนี้ได้ชี้แจงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องรบกวนอยู่เสมอให้พี่น้องทั้งหลายได้ฟังเสียบ้าง ตามธรรมชาติธรรมดาแล้วหลวงตาบัวนี้ไม่เคยสนใจ ใครจะมายกยอสรรเสริญก็เป็นส่วนเกิน ใครจะมาตำหนิติเตียนอย่างไรหรือโจมตีแบบไหนวิธีใดมันก็เป็นส่วนเกินทั้งนั้น ธรรมชาติของใจที่พอทุกอย่างแล้วนี้ไม่รับ ใครชมเชยก็ไม่รับ ใครสรรเสริญหรือใครตำหนิติเตียนก็รับไม่ได้เหมือนน้ำเต็มแก้ว เอาน้ำมหาสมุทรมาเทมันก็ล้นทิ้งหมดนั่นแหละ เพราะมันเต็มแก้วแล้ว หัวใจเต็มในธรรมทั้งหลาย ธรรมกับใจเป็นอันเดียวแล้วเรียกว่า น้ำเต็มแก้ว ใครจะเอาความสรรเสริญเข้ามามันก็เป็นส่วนเกินไปเสีย ใครจะเอาความนินทาเข้ามามันก็เป็นส่วนเกินไปเสีย รับไม่ได้ทั้งนั้น

ส่วนที่รับได้คืออะไร คือความพอ ธรรมพอในใจ ใจกับธรรมพอกันแล้ว นิพพานคือเมืองพอ ไม่มีความหิวโหย อยู่ตามหลักธรรมชาติแห่งความพอ ท่านจึงเรียกว่านิพพานเที่ยง เที่ยงอย่างงี้ตลอดไปเพราะอำนาจแห่งการบำเพ็ญกุศลศีลทานไม่หยุดไม่ถอยก็ถึงขั้นพอได้อย่างนี้ จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายได้นำโอวาทคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไปประพฤติปฏิบัติตน ขอให้มีความสม่ำเสมอในการทำมาหาเลี้ยงชีพซึ่งเกี่ยวกับร่างกาย การกินอยู่ หลับนอนใช้สอยนี้เป็นเรื่องของร่างกาย เวลามีชีวิตอยู่เราก็ต้องได้ใช้สิ่งเหล่านี้ จึงจำต้องเสาะแสวงหาให้พอจับพอจ่ายพออยู่พอกิน อย่าให้มันล้นเหลือจนกระทั่งถึงเป็นน้ำล้นฝั่ง หาความพอไม่มี ได้เท่าไหร่ยิ่งดีดยิ่งดิ้น ยิ่งเป็นความทุกข์มาก ถ้าเช่นนั้นเรียกว่าหากองทุกข์ใส่ตน ไม่ใช่หาสมบัติเงินทองมาบำรุงตนให้เป็นความสุขได้เลย

เราให้หาพอสมควร ให้รู้จักเมืองพอ เพราะความตายนั้นจะพอวันหนึ่งแน่นอน พอถึงเวลาตายแล้วใครจะเอาอะไรมาบังคับไม่ได้ ตายด้วยกันทุกคน อย่างที่เรานั่งอยู่ด้วยกันเวลานี้มีจำนวนกี่พันกี่หมื่นหรือกี่แสนคน นั่งอยู่เวลานี้ พอสิ้นลมหายใจแล้ว ป่าช้าตั้งกึกลงเลย ป่าช้าของคนตายจะตั้งกึกลงตัวของคนเป็นที่ลมหายใจขาดลงไปแล้วนั้นแลด้วยกันทุกคน ใคร ๆ ก็ตาย นี่เรียกว่าถึงขั้นพอของมันแล้ว ชีวิตจิตใจนี้จะคืบคลานต่อไปอีกไม่ได้แล้ว เรียกว่าพอในขั้นนี้ของความตาย เมื่อมันถึงขั้นนี้เราจนใจด้วยกันทุกคน แต่เวลายังไม่ถึงขั้นนี้แล้วขอให้พากันอุตส่าห์พยายาม

ชีวิตคือความเป็นอยู่แห่งร่างกายของเรานี้เป็นเรื่องของธาตุของขันธ์ มีวันที่จะแตกจะดับจะตายได้ด้วยกันทั้งนั้น แต่จิตใจนี้ไม่เคยมีป่าช้า ไม่เคยตาย ไม่เคยฉิบหาย และสมบุกสมบันต่อภพต่อชาติต่อความทุกข์ความลำบากทรมานตนประจำมากี่ภพกี่ชาติจนกระทั่งบัดนี้ แล้วออกจากนี้แล้วก็ไม่หยุดนะ เรามาเป็นมนุษย์นี้ก็ยุติเพียงแค่เป็นมนุษย์ในชาตินี้ก่อน พอชีวิตลมหายใจของมนุษย์นี้ขาดลงไป ร่างของเปรตของผีจะเข้ามาได้ถ้าเราเป็นคนชอบทำบาปทำกรรมแล้วร่างของเทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมก็จะสวมเข้ามาในจิตตวิญญาณดวงนี้ ถ้าเราเป็นผู้สมัครรักใคร่ใฝ่ใจต่ออรรถต่อธรรม ต่องานการกุศลทั้งหลาย จิตดวงนี้จึงสวมได้ทั้งร่างดีร่างชั่ว

ร่างเป็นทิพย์เทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมไปจากร่างแห่งคนมีบุญมีกุศลนี้ทั้งนั้น ร่างของเปรตของผี ร่างของสัตว์นรกนั้นไปจากคนชอบทำบาปทำกรรม ตายแล้วไปลงนรกได้ไม่สงสัย จิตดวงนี้ออกจากร่างที่เราว่าเป็นมนุษย์ ยืนยันกันทั่วหน้าว่าเป็นมนุษย์พอหลุดลอยจากนี้แล้วจะเป็นได้ทุกแบบ เพราะฉะนั้น จึงให้เตรียมตัวไว้ในทางที่ถูกที่ดี การให้ทานรักษาศีลภาวนา อย่าได้ปล่อยวาง ขอให้พี่น้องทั้งหลายยึดเป็นหลักฝากเป็นฝากตายไว้กับศีลกับธรรมกับการทำบุญให้ทาน นี่ล่ะที่จะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวเป็นที่เกาะฝากเป็นฝากตายของเรา ในเวลาชีวิตหาไม่แล้ว จิตจะคว้าหาสิ่งที่เกาะ ถ้าเราสร้างคุณงามความดีไว้ ความดีนี้แลจะเป็นที่เกาะที่ยึดให้แคล้วคลาดปลอดภัยของเราต่อไป

ถ้าใครมีความรักใคร่ใฝ่ใจกับความชั่วช้าลามก ตายไปแล้วจิตก็ต้องเป็นอย่างเดียวกัน ไขว่คว้าเข้าหาบาป บาปนั้นพันเอาเลย แล้วไปตกนรกหมกไหม้ ใครต้องการที่ไหนนรก ตั้งแต่ดอกไฟกระเด็นมาถูกเราเท่านั้น เราก็ดีดก็ดิ้น นี่นรกทั้งหลุมมาเผาเราคนเดียว เป็นยังไงความทุกข์ เราจึงอย่าไปกล้าหาญต่อความทุกข์ความทรมานในแดนนรก ซึ่งพระพุทธเจ้าทั้งหลายกลัวกันทั้งนั้น เหตุใดเราจึงไม่กลัวบาปกลัวกรรมไม่กลัวนรกหมกไหม้ ทั้ง ๆ ที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์กลัวด้วยกันและสอนโลกทั้งหลายให้ห่างไกลให้หลีกเว้นจากการทำบาปซึ่งเป็นทางแห่งนรกมาด้วยกันทั้งนั้น

ท่านสอนแบบเดียวกัน ทำไมเราจึงแหวกแนวไปอวดดิบอวดดีกว่าพระพุทธเจ้า แล้วไปสร้างบาปสร้างกรรมหาลบล้างนรกว่าไม่มี ไม่เข้าเรื่องเข้าราว ทั้ง ๆ ที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายตรัสรู้มาพระองค์ใดก็ตาม ไม่เคยลบล้างนรกอเวจีหลุมไหนให้ถลอกปอกเปิกหรือล้มเหลวไปได้เลย แต่เหตุใดเราจึงลบล้างได้ด้วยความสำคัญของเรา ความสำคัญนี้แลจะเป็นมหาภัยต่อเรา ให้รีบลบล้างความสำคัญนี้เสีย เชื่อตามคำสอนของพระพุทธเจ้าว่าบาปมีบุญมีนรกมีสวรรค์มีพรหมโลกมีนิพพานมี ที่พระองค์ทรงเห็นแจ้งสว่างมาแล้วมาสอนพวกเราแล้วยึดไปตามนี้

สิ่งใดที่ไม่ดีขออย่าพากันทำ ทำลงไปแล้วมาเป็นข้าศึกต่อตัวของเราเอง อันใดที่เป็นผลเป็นประโยชน์ เช่น การให้ทานรักษาศีลภาวนา ทำประโยชน์ให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใดก็ตาม เป็นประโยชน์ นั้นเป็นคุณเป็นประโยชน์แก่เรา ให้พยายามขวนขวายในสิ่งนั้น แล้วสิ่งนั้นแล จะมาเป็นที่พึ่งเป็นพึ่งตายของเรา เมื่อคนบุญตายกับคนบาปตายต่างกันมากนะ คนบาปตายแม้จะมีคนเคารพนับถือมากอย่างที่โลกทั้งหลายเยินยอสรรเสริญนับถือกันว่า คนนี้เขาเป็นเศรษฐีกุฏุมพีมียศฐาบรรดาศักดิ์สูง ๆ เวลาเขาตายแล้วไปให้เกียรติเขา แห่ล้อมไปกองฟอนเขานั้นแหละ เพื่อจะไปเผาศพเพื่อเป็นเกียรติของคนตายก็ไม่มีความหมายอะไรเลย

คนไปมาก ๆ ไม่มีความหมายที่จะช่วยคนที่ทำบาปหาบกรรมนั้นให้พ้นจากนรกไปได้เลย ต้องจมในนรกอยู่โดยดี เพราะฉะนั้น เราจึงให้เตรียมสิ่งที่ช่วยเราได้คือบุญคือกุศล อันนี้ช่วยได้ คนธรรมดาไปเยี่ยมศพไปเผาศพจะมาช่วยเราไม่ได้นะ แต่การไปเพื่อความเคารพนับถือประเพณีบ้านเมืองของโลกมนุษย์ถือกันอย่างนั้นเราก็ไป แต่เราอย่าไปด้วยความสำคัญผิดว่า เป็นผลเป็นประโยชน์แก่ผู้ตายจริง ๆ ไม่ได้เป็นนะ เป็นผลเป็นประโยชน์แก่ผู้ตายจริง ๆ คือ บุญกุศลของผู้ตายที่สร้างไว้แล้วนั้นแหละเป็น อย่างอื่นไม่เป็น

บาปก็เป็นบาปของผู้ตายจริง ๆ จะไปช่วยกันขนาดไหนไม่เป็นผลทั้งนั้น ให้รีบแก้ไขดัดแปลง ถ้าใครเคยทำบาปหาบกรรมมาก่อนแก้ไขเสียตั้งแต่บัดนี้ ต่อไปเราจะมีความสว่างไสวเบาจิตเบาใจที่ได้สร้างกุศลแทนสร้างบ้าน ดังที่ท่านแสดงไว้ว่า ตโม โชติ ปรายาโน แม้เราจะมืดบอดด้วยการสร้างบาปสร้างกรรมเพราะไม่รู้ภาษีภาษา แต่พอเรารู้อรรถธรรมจากครูจากอาจารย์จากคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว เรามาฟิดตัวใหม่ปฏิบัติตัวเป็นคนดี เราก็มีความสว่างไสวในอนาคตกาล เราจะมืดมาแต่ก่อนแต่เราสว่างแล้ว เราก็ไปได้ด้วยความแคล้วคลาดปลอดภัย ให้พากันปฏิบัติตนเสียตั้งแต่บัดนี้

หลวงตาสอนพี่น้องทั้งหลาย เราไม่สอนด้วยความสงสัยสนเท่ห์ในบาปบุญมรรคผลนิพพาน เราสอนด้วยความเต็มอกเต็มใจ ประจักษ์กับหัวใจจริง ๆ ว่าบาปบุญนรกสวรรค์ เราไม่ไปทูลถามพระพุทธเจ้า เพราะท่านทรงแสดงไว้แล้ว สอนให้รู้ให้เห็นดังที่ท่านสอนไว้ เมื่อเป็นอย่างนั้นเราจะไปทูลถามพระพุทธเจ้ายังไง ก็ต้องยอมรับ นี่นำความยอมรับในความจริงทั้งหลาย เช่น บาปบุญนรกสวรรค์ เป็นต้นนี้แล มาสั่งสอนพี่น้องทั้งหลาย อย่าฝ่าอย่าฝืน พระพุทธเจ้าสอนยังไงให้ปฏิบัติตามที่เราเป็นลูกชาวพุทธ อย่าดื้อต่อพ่อต่อแม่ คือศาสดาองค์เอกของเรา ให้เราตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติ ทุกข์ยากลำบากขนาดไหนการสร้างความดี ให้ทุกข์ไป

พระพุทธเจ้าสลบถึงสามหน คือสร้างความดีเพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า ท่านก็เป็นขึ้นมาได้ ไอ้เราไม่ได้ถึงขั้นสลบไสล เราอุตส่าห์พยายามสร้างคุณงามความดี ฝ่าฝืนกิเลสที่มันไม่อยากให้ทำความดีไปต่างหาก เราสร้างลงไป ทุกข์ยอมรับว่าทุกข์ ฝ่าฝืนกันไป ผลดีเป็นของเรา มันควรที่จะฝ่าฝืนกันไปเรื่อย ๆ ฝ่าฝืนหลายครั้งหลายหน กิเลสมันก็อ่อนกำลังลงไป การก้าวเดินทางศีลทางธรรมของเราก็มีความราบรื่นเป็นลำดับลำดา ไปแล้ว เราก็ก้าวเดินไปได้โดยสะดวก ผลสุดท้ายความลำบากลำบนในการสร้างบุญสร้างกุศลนั้นแลกลับมาเป็นคุณหมุนตัวของเราให้หลุดพ้นจากทุกข์เป็นลำดับลำดาไปเลยทีเดียว ดีกว่าที่เราเอาความสะดวกสบายไปตามกิเลส กิเลสไม่อยากให้ทำ

ไปทำไมไปวัดไปวา ไปให้ทาน เอาไปแล้วพระท่านกินหมด ก็ไปให้ท่านกินสิทำยังไง ก็ไม่ใช่เอาไปให้ท่านกราบท่านไหว้ เช่น เอามาให้หลวงตาบัว หลวงตาบัวก็กิน อย่าว่าแต่อื่น นี่เคยกินข้าวของพี่น้องทั้งหลายมาตั้งแต่วันบวชจนกระทั่งบัดนี้ ก็พี่น้องทั้งหลายเอามาให้กินก็ต้องกิน จะไปตำหนิท่านได้ยังไง ครั้นเวลาจะเอาทำบุญให้ทาน อย่าเอาไปให้พระ เอาไปแล้วกินทิ้งเปล่า ๆ ไม่ได้ทำไร่ทำนาอะไร มากินเปล่า ๆ มันเกิดประโยชน์อะไร นี่กิเลสมันหลอกเรา พระท่านไม่ได้มีเนื้อนาข้าวปลาอาหารแต่ท่านเป็นเนื้อนาบุญของโลก ปุญฺญกฺเขตตํ โลกสฺส ท่านทั้งหลายสวดอยู่ทุกวัน ๆ พระสงฆ์เป็นเนื้อนาบุญของโลก

ท่านปฏิบัติเนื้อนาบุญท่านมีบุญเต็มหัวใจ เวลาไปทำบุญให้ทานกับท่านมีอานิสงส์มาก นั้นแหละเนื้อนาบุญ เราไปทำบุญกับท่านเราก็ได้บุญเต็มหัวใจของเรา เนื้อนาข้าวก็ได้ข้าวขึ้นมาใส่ยุ้งใส่ฉาง เนื้อนาบุญเวลาไปทำบุญกับท่านผู้เป็นเนื้อนาบุญเราก็ได้บุญกุศลมาหนุนจิตใจของเรา นี่เรียกว่าเนื้อนาบุญ เราอย่าไปเชื้อกิเลสนะ มันจะหลอกลวง กิเลสจะไม่เอาความจริงมาพูด มันจะมีตั้งแต่ความหลอกลวงต้มตุ๋น

(มีเสียงประกาศตามสายมาแทรกระหว่างการแสดงธรรม)

พูดอะไรกันล่ะ กำลังเทศน์ยังไม่ถึงไหนอย่างนี้ล่ะ

วันนี้ได้เทศนาว่าการให้พี่น้องทั้งหลายฟังพอจะทั่วถึงกันนะ และก็ขอให้นำไปประพฤติปฏิบัติดังที่แสดงไว้แล้วนี้ ความสุขความเจริญความสมหวังจะเป็นสมบัติของพี่น้องทั้งหลายโดยทั่วหน้ากัน การแสดงธรรมวันนี้ก็เห็นว่าสมควรแก่กาลเวลา ขอความสวัสดีจงมีแก่บรรดาพี่น้องทั้งหลายโดยทั่วกันเทอญ

www.Luangta.com


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก