เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๖
พระอรหันต์กับยาเสพย์ติด
สรุปทองคำเมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๔๖ ทองคำได้ ๑ กิโล ๒๓ บาท ๖๑ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๖๑๐ ดอลล์ เรามันโมโห เป็นวันๆ แล้วทองคำโดดขึ้นโดดลง ๆ เราชักโมโหนะ อยากจะไปกว้านเอาทองคำทั้งหมดที่มันโดดขึ้นโดดลงมาเข้าคลังหลวงเราให้หมด ปิดประตูกึ๊กเลย ที่นี่จะขึ้นลงไปไหนขึ้น เรานอนสบายเลย เดี๋ยวนี้ยังกำลังโมโห ให้พากันไปกว้านเอาทองคำเหล่านี้ที่มันดื้อ เข้าใจไหม โดดขึ้นก็เหยียบหัวพวกเรานั่นแหละ ขึ้นเท่านั้นขึ้นเท่านี้ ขึ้นตรงไหนขึ้นเหยียบหัวคนเรา ไม่ได้ขึ้นไปไหนนะ
เราจึงโมโหไปกว้านมันลงมาเอาเข้าคลังหลวงให้หมด ปิดล็อกกุญแจเสร็จเรียบร้อย นอนสบายๆ เอาจะขึ้นที่ไหนขึ้น อยู่ในห้องนี้ห้ามไม่ให้ออกห้องนี้ ลั่นกุญแจไว้เลย เดี๋ยวนี้กำลังโมโห ตื่นขึ้นมาวันไหนได้ยินแต่ทองคำโดดขึ้นโดดลง เราเลยจะเป็นจะตาย คอยฟังแต่เรื่องทองคำ ให้พากันไปจับหางทองคำดึงลงมาสักหน่อย ทำไมมันจึงหางยาวนักทองคำนี่น่ะ วันไหนขึ้นลงอยู่ตลอด มันพิลึกพิลั่นเหลือเกิน เราก็เลยโมโหน่ะซี วันนี้เลยระบายความโมโหให้พี่น้องทั้งหลายฟัง ให้พากันไปจับหางมันดึงลงมาสักหน่อยน่ะ เอาเข้าคลังหลวงของเราให้หมด ล๊อกกุญแจเลย ไปมึงอยากขึ้นให้มึงขึ้น มึงอยากลงให้มึงลง กูจะไปเที่ยวนอนสบาย ว่างั้น เข้าใจไหม ขึ้นเรื่อยลงเรื่อย เวลานี้มันก็ขึ้นเป็น ๔ แสน ๙ หมื่นโน่นน่ะไม่ใช่เล่น สองกิโลมันก็จะเข้าล้านแล้ว มันขึ้นทุกวัน
นี่ละสมบัติของโลกก็ต้องได้อาศัยอยู่อย่างนี้จะว่าไง อะไรเปลี่ยนแปลงนิดหน่อยก็มากระเทือนจิตใจชาวโลกเราทั้งนั้นๆ มันเป็นอยู่อย่างนั้น เพราะฉะนั้นท่านถึงสอนธรรมะเข้าสู่ใจ ให้ปรับใจให้ดี ให้รู้เท่าทันเหตุการณ์ต่างๆ ที่มันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มันออกไปจากใจ ถ้าใจไม่รู้เท่าทันใจก็เสียเปรียบให้มัน ขาดทุนไปเรื่อยๆ ถ้าใจรู้เท่าทันไม่เสีย อะไรขึ้นลงก็ขึ้น ผู้รู้คือตัวจิตเองนี้ก็ไม่เคยขึ้นลง แล้วยิ่งมีธรรมเข้าไปปั๊บภายในจิตใจแล้ว ทราบเหตุการณ์ทั้งหลายได้เป็นอย่างดีๆ
อะไรจะขึ้นบนเมฆก็ให้มันขึ้นไป มันจะลงไปใต้ก้นนรกอเวจีก็ให้มันลงไป เราไม่ขึ้นกับมัน เราไม่ลงกับมัน เราก็สบาย เอาตรงนี้ซี อันนี้พอเขาโดดขึ้นเราก็ขึ้น เขาโดดลงเราก็ลง สุดท้ายพวกนี้ไม่ได้มีเวลาหลับนอนกันนะ แล้วโดดขึ้นโดดลงตามสิ่งต่างๆ ที่มันเคลื่อนไหวไปมาตามธรรมชาติของมัน แต่จิตนี้มันคึกคะนอง หาดิ้นอย่างนั้นๆ อันนั้นขึ้นอันนี้ลง ขึ้นตรงไหนลงตรงไหนก็มาเหยียบหัวใจเรานี้ เพราะเราไม่รู้เท่าทันมัน มันก็เป็นไปได้ ท่านจึงสอนให้รู้เท่าทันเหตุการณ์ต่างๆ จากจิตใจของเราดวงนี้แล้ว จะอยู่กับสิ่งทั้งหลายได้อย่างสะดวกสบาย เอ้า ขึ้นก็ขึ้น ลงก็ลง การวิ่งเต้นขวนขวายเป็นเรื่องของโลกจะต้องวิ่งเต้น เราก็ต้องวิ่งเป็นธรรมดา แต่ไม่ถึงเกิดความเสียหายกระทบกระเทือนภายในจิตใจตลอดไปกับสิ่งทั้งหลายที่เคลื่อนไหวไปมา เราก็อยู่สบาย
เราไม่รู้มากเราก็รู้น้อยตามกำลังของเรา เราก็พอเป็นไปนะ ไม่กระทบกระเทือนมากนะ ถ้ามีธรรมแทรกเข้าไปในจิตใจบ้างแล้ว จะไม่ค่อยมีความกระทบกระเทือนมากเต็มเม็ดเต็มหน่วยเหมือนคนไม่มีธรรมเลย ซึ่งมีตั้งแต่โลกล้วนๆ กิเลสล้วนๆ ดิ้นตลอดเวลา หาความสุขไม่ได้ ไปอยู่บนกองเงินกองทอง ก็ไปดิ้นอยู่บนกองเงินกองทอง ไปอยู่ที่ไหนว่าเป็นความสุขความเจริญ ไอ้ตัวฟืนตัวไฟอยู่ในหัวใจดวงไม่รู้เหตุรู้ผลไม่มีประมาณเสียดวงเดียวเท่านี้ ไปอยู่ที่ไหนร้อนหมด ใจมีรู้จักประมาณผ่อนผันสั้นยาวทุกสิ่งทุกอย่างกับตัวเอง ก็ผ่อนผันสั้นยาวกับสิ่งภายนอกได้ ไม่เดือดร้อนวุ่นวายจนเกินไป
เพราะฉะนั้นท่านจึงสอนให้มีเวลาพักจิตพักใจบ้าง อย่าให้มันดีดมันดิ้นเสียจนเกินเหตุเกินผล จะหาความสุขจากความดีดดิ้นของมัน ใครก็หากันทั้งโลกไม่มีใครเจอ เอามาซิ ต่างคนต่างดีดต่างดิ้น จิตใจอยู่เฉยๆ ไม่ได้ต้องดีดต้องดิ้น แล้วผลที่ได้มาจากความดีดดิ้นมันก็มีแต่ฟืนแต่ไฟ แม้ที่สุดมาลงเสื่อลงหมอนนอนลงไปแล้วยังไม่หลับอีก นั่น ไฟมันเผาอยู่ในหัวใจ ถ้าใจมีเหตุมีผลมีอรรถมีธรรมเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงบ้างแล้วจะพอพักพอผ่อนบ้าง เวลาหมุนก็หมุน เวลาพักก็พัก เวลาหนักก็หนัก เวลาเบาก็เบา มีเป็นพักๆ ไป อันนี้มันมีแต่หนักเรื่อยๆ ได้ก็หนัก เสียก็หนัก อะไรหนักไปหมด เพราะเราไม่รู้เท่าทันมัน จึงมีแต่ท่าเสีย
ได้มาก็เสียไปอีก ใจก็เสียไปอีก มันเสียอยู่ที่ใจที่ไม่รู้ประมาณนั่นแหละ ไม่เสียที่ไหนนะ อย่างที่พูดเรื่องทองคำขึ้นลงๆ โลกนี้ตื่นเต้นกันทั้งโลกจะว่าอะไร เพียงทองคำเขาก็เป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่งเท่านั้นเอามาวางไว้ปั๊บ แต่จิตใจโลกมันไปอยู่ที่นั่น มันไปเป็นฟืนเป็นไฟดีดดิ้นรอบกองทองคำซึ่งเป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่งเท่านั้น วางไว้นั้น จิตใจเรามันดิ้นอยู่กับอันนั้น เขาไม่เป็นอะไรแต่เรามันเป็น วันนี้ก็บอกว่าขึ้นแล้วทองคำ ๔๙๖,๐๐๐ หรือไง ดีดอีกแล้ว วันพรุ่งนี้มันจะขึ้นอีกหรือไงนะว่าอีก มันเป็นอย่างนั้น มันหากดิ้นอยู่ในนี้
ท่านจึงสอนเป็นธรรมให้พวกเราได้คิด คือผู้ไม่ดีดไม่ดิ้นกับผู้ดีดผู้ดิ้นมันต่างกัน คนดีดดิ้น คนไข้ดีดดิ้นอยู่บนโรงพยาบาลกี่ชั้นก็ตาม สูงขนาดไหนก็ตาม ดีดดิ้นมีแต่เรื่องความทุกข์ของคนไข้ทั้งนั้น ดีดดิ้นอยู่ในนั้น ไม่มีใครดีดดิ้นได้รับความสุขเลย ความดีดดิ้นมันต่างกัน พวกหนึ่งเล่นกีฬา ดีดดิ้นไปกับกีฬา เล่นอะไรดีดดิ้นไปกับอันนั้น ต่างคนต่างดีดต่างดิ้นไปคนละทิศละทาง แต่ผู้ที่ได้ผลดีเกินคาดจนถึงได้มาเป็นศาสดาของโลก คือพระพุทธเจ้าของเรา ดีดดิ้นเพื่อหนีโลกหนีสงสาร หนีกองทุกข์กองภัยทั้งหลายที่เผาลนทั้งเขาทั้งเรามากี่กัปกี่กัลป์ ดีดดิ้นออกด้วยอรรถด้วยธรรม สลัดออกไปได้ตรัสรู้ขึ้นมาเป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมา ทีนี้ไม่ดีดไม่ดิ้น ไม่ยกไม่ยอ ไม่แบกไม่หามอะไรแหละ ปล่อยไว้ตามสภาพ
มันหนักก็ให้มันหนักอยู่ของมัน ไม่มีความหมายในความหนักเบาของมัน ผู้ไปให้ความหมายก็คือใจของเรา เป็นผู้ไปให้ความหมาย จึงมาหนักอยู่ที่นี่ ท่านจึงสอนให้ปล่อย อย่างยกตัวอย่างให้ฟัง นั่นละธรรมท่านปล่อย พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ท่านปล่อยอย่างนั้น แล้วท่านเป็นยังไงผลของการปล่อย ยกตัวอย่างเช่น มีอิฐก้อนหนึ่งน้ำหนัก ๑๐ กิโล แล้วทองคำอีกแท่งหนึ่งน้ำหนัก ๑๐ กิโลด้วยกัน ให้โลกมายก ใครจะมายกอะไร ทั้งสองแท่ง แท่งอิฐแท่งหนึ่ง ทองคำแท่งหนึ่ง มีน้ำหนักเท่ากัน เอ้า ให้โลกมายก โลกนี้จะรุมมายกทองคำกันทั้งนั้นแหละ ทั้งๆ ที่น้ำหนักเท่ากัน อิฐไม่มีใครเหลียวแลแหละ
เอ้าที่นี่ให้พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ท่านมายก พอเห็นพวกเรากำลังเป็นบ้ากันแห่กันเข้ามา ไม่เคยเห็น แห่อะไรออกมามากมายนักหนา ทั่วโลกดินแดนแห่เข้ามาหาพระพุทธเจ้า ท่านก็จะถามว่าแห่เข้ามาอะไร มีอะไรเกิดขึ้น แห่เข้ามาหาพระพุทธเจ้า แล้วแห่เข้ามาหาอะไร ขอให้พระพุทธเจ้าทรงยกทองคำ ไม่ได้บอกนะว่าอิฐ ให้ไปยกทองคำทั้งแท่งน้ำหนัก ๑๐ กิโลว่างั้น แล้วพวกนี้จะยกตามหลังอีกคนละ ๑๐ กิโล ๆ ทองคำมีเท่าไร ๆ ในโลกนี้จะกว้านมายกให้หมดตามเสด็จพระพุทธเจ้า ที่มีความสุขความสบาย
ทีนี้เวลาพระพุทธเจ้าตอบรับสัตว์โลก ท่านตอบว่า พวกเธอทั้งหลายมันยุ่งบ้าเกินไป นั่น เข้าใจไหม มันยุ่งอะไรบ้าเกินไป ก็มันมาทั้งโลกประสาแร่ธาตุคือทองคำ แล้วจะมาให้เรายกอะไร เราไม่ยกมันหนักเท่านั้นพอ โลกธาตุนี้เราปล่อยหมดแล้ว เราไม่ยก หนักยิ่งกว่าแร่ทองคำขนาดไหน เราตถาคตปล่อยหมด ตถาคตสุข บรมสุขอยู่กับตถาคตองค์เดียว อยู่กับพระสาวกท่านผู้ปล่อยวางหมดแล้วโดยสิ้นเชิงบรรดาภาระทั้งหลาย แต่ละองค์ ๆ ท่านเป็นสุขสุดยอด ไปพากันกลับ ไล่กลับไป พวกนี้มันยังไม่ยอมกลับนะ มันยังจะให้พระพุทธเจ้าพาแบกอีก เราแบกจนแทบเป็นแทบตายยังจะให้พระพุทธเจ้าพามาแบก ท่านปัดหนีท่านบอกท่านไม่แบก มันยังจะมาขอให้ท่านแบกอยู่เหรอ
ไปนี้กลับไปบ้าน อย่ามาขอให้หลวงตาแบกนะ เข้าใจไหม หลวงตาบัวแบก ถึงไม่เป็นพระพุทธเจ้า พระสาวกพระอรหันต์ก็ตาม หลวงตาบัวตัวเท่าหนูหลวงตาบัวก็รู้ว่ามันหนัก หลวงตาบัวจะไม่แบกเข้าใจไหมล่ะ แบกก็แบกเพื่อประโยชน์แก่โลกแก่สงสารไม่แบกทางด้านจิตใจ ย่อมมีความเคลื่อนไหวเช่นเดียวกันกับโลกทั่ว ๆ ไป บรรดาพระพุทธเจ้า สาวก ท่านสงเคราะห์โลกทั้งหลาย ต้องแบกต้องเก็บต้องหาบต้องหามสิ่งเหล่านี้ แต่จิตใจท่านรู้ประมาณตลอดเวลาจึงไม่มีการบอบช้ำเข้าใจไหมล่ะ พวกเราทั้งแบกทั้งหามทั้งบอบทั้งช้ำทุกอย่างไม่มีชิ้นดีเลย ให้พากันแยกแยะไว้นะ
ทุกอย่างให้ทำไปตามหน้าที่การงานของตน ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับธาตุกับขันธ์ พาอยู่ พากิน พาหลับ พานอน พาขับ พาถ่าย เป็นกองทุกข์ทั้งนั้น ต้องหามาเยียวยาเขา แต่เราก็ต้องหามาเยียวยาอย่าดีดอย่าดิ้น เพลิดเพลินจนเกินเนื้อเกินตัว ได้มาเท่าไรๆ ไม่พอ ได้มาเท่าไรไม่พอ ต่างคนต่างดีดต่างดิ้น เลยไม่มองดูป่าช้าตัวมันกำลังดิ้นซึ่งกำลังจะตายนี้บ้างเลย แล้วก็ตายไปด้วยกันกับโลกทั่ว ๆ ไปนั่นละ ไม่เกิดประโยชน์อะไร นั่น
เวลาดิ้นก็ เอ้า ดิ้น ใจให้มีธรรมรักษาตัวจะไม่บอบช้ำ อยู่ในโลกก็อยู่ เขาอยู่ยังไงเราก็อยู่อย่างเขา เขาทุกข์เราก็ทุกข์ เขาหิวเราก็ยอมรับหิวเหมือนกัน เขาอิ่มเรายอมรับอิ่ม แต่จิตใจของเรามีธรรมเป็นประมาณอยู่ตลอดเวลา จะไม่มีคำหิวโหยดีดดิ้นเหมือนสังขารร่างกายนี้เลย นี่เรียกว่าผู้มีธรรม ต่างกันอย่างนี้ ถ้าผู้ไม่มีธรรมแล้วดิ้นจริง ๆ ทุกข์จริง ๆ ทั้งภายนอกทั้งภายในใจ เลยดีดดิ้นไปตาม ๆ กันหมด พากันจำเอานะ วันนี้ก็เทศน์ให้ฟังย่อ ๆ นี่เป็นแบบหนึ่งที่เอามาเทียบถึงเรื่องทองคำวิ่งขึ้นวิ่งลง ไล่มันมาเข้าคลังหลวงเข้าใจไหม จากนั้นก็บอกไล่ให้ปล่อยวางกัน อย่าเป็นบ้ากันเสียจนเลยเถิดเลยแดน เข้าใจ
แล้วก็หลวงตานี้แหละบอกให้ท่านทั้งหลายปล่อย ครั้นเห็นหน้าลูกศิษย์ลูกหาคนไหนเข้ามา ไหนละทองคำ มันยังไงหลวงตาองค์นี้ก็ดี ไหนล่ะดอลลาร์ ไหนล่ะทองคำอยู่อย่างนั้น ก็จะให้เขาปล่อยยังไง เจอหน้าไหนก็มีแต่ทวงเอาทองคำกับเขา เขาก็ต้องได้หามาให้ จะปล่อยได้ยังไง เอ้า ถ้าอย่างงั้นก็หาได้ตามเกิดตามมีนะ ได้แค่ไหนแล้วเอามาแค่นั้น วันนี้ไม่ได้ก็พักไปเสียก่อน เมื่อวานนี้ได้ ๑ กิโล วันนี้ไม่ได้พักไปเสียก่อน วันหลังถึงไปกว้านเอามาอีก มันเป็นยังไงมันอยู่ที่ไหนทองคำ มันอยู่กับคนนั่นแหละ
เรามีความอบอุ่นเห็นพี่น้องชาวไทยเข้าวัดเข้าวา ฟังอรรถฟังธรรมซึ่งเป็นเหตุเป็นผลหลักเกณฑ์ ที่จะพาเล็ดลอดออกจากความทุกข์ทั้งหลายไม่มากก็น้อย ได้ตามความเสาะแสวงหาอรรถหาธรรม ธรรมไม่เคยพาผู้หนึ่งผู้ใดให้ล่มจม ขอให้ได้มากได้น้อยอยู่กับตัวเอง จะเป็นสมบัติเต็มหัวใจ ๆ เห็นพี่น้องทั้งหลายเข้ามาเกี่ยวข้องกับวัดกับวา มีวันมีเวลาว่างงานภายในบ้าง งานภายในคือความคิดความปรุงยุ่งเหยิงวุ่นวายกับหน้าที่การงานจิปาถะ แล้วระงับมันลงไปพักจิต เรียกว่าพักเครื่องด้วยอรรถด้วยธรรม มีการภาวนาสงบใจ
ใจนี้ดีดดิ้นตลอด จะสงบลงได้ด้วยการภาวนา ท่านผู้ใดมีธรรมบทใดข้อใดที่ถูกกับจริตนิสัยของตัว แล้วให้นำธรรมบทนั้นข้อนั้นมาบริกรรม มีสติบังคับกับคำบริกรรม ให้อยู่กับคำบริกรรมเท่านั้น ไม่ต้องการอะไร สมบัติเงินทองข้าวของสามแดนโลกธาตุ สู้ธรรมคือคำบริกรรมนี้ไม่ได้ว่างั้นเลย วันนี้จะเอาคำบริกรรมกับสติติดแนบกันกับใจ เราจะเอาอันนี้ซึ่งมีคุณค่าล้นโลกล้นสงสาร อะไรสู้ไม่ได้ เวลานี้จะเอาอันนี้ก็ให้เอาอันนี้นะ ให้พักภาวนาสงบเย็นใจ นี่เรียกว่าพักเครื่อง สั่งสมมหาคุณคือธรรมเข้าสู่ใจของเรา ต่อจากนั้นเราก็ขวนขวายเหมือนโลกทั่ว ๆ ไปเขาขวนขวายกัน แต่เวลาที่เราจะพักเครื่องเพื่ออรรถเพื่อธรรม อันมีคุณอันค่าสูงสุดต่อจิตใจของเรา เราก็ให้ทำอย่าปล่อยจนเลยเถิดเตลิดเปิดเปิง เสียหมดนะ
นี่พี่น้องทั้งหลายมาเข้าวัดเข้าวาหลวงตาก็ดีใจ คือ คำว่าวัดเป็นสถานที่อบรมศีลธรรมพักผ่อนหย่อนตัว รู้จักประมาณ ท่านจึงเรียกว่า วัด คือสถานที่อบรม นอกจากนั้นก็ไม่มีสถานีแหละ กว้างแคบขนาดไหนสุดเหวี่ยง แล้วแต่ต่างคนต่างจะดีดจะดิ้นไปไหน เวลาเข้าวัดเพื่ออบรมศีลธรรมให้มีความสงบเย็นใจ ให้มีกาลมีเวลา ถึงเวลาตายแล้วตายได้ด้วยกันเห็นไหมนี่ บนศาลานี้มีใครเว้นได้สักรายเดียวมีไหม ตายได้ด้วยกันทั้งนั้น เวลายังไม่ตายให้รีบเร่งขวนขวายหาศีลหาธรรมเข้าสู่ใจ เพื่อลดหย่อนผ่อนเบาความเกิด ความตาย ความทุกข์ที่มันฝังจมไปด้วยกันนี้เบาบางลง ๆ มากกว่านั้นเราก็ดีดออกได้เลย ผู้ไปเกี่ยวข้องกับวัดกับวากับศีลกับธรรมมีผลต่างกันอย่างนี้ กับผู้ไม่เกี่ยวข้องเลยเห็นวัดเห็นวาเป็นข้าศึกศัตรู เห็นโรงลิเกระบำรำโป๊ ยาฝิ่นยาเสพย์ติดเป็นของดิบของดีเป็นแดนฟ้าแดนสวรรค์ไป พวกนี้พวกจะจม เริ่มจะจมตั้งแต่เริ่มสนใจ นี่ละให้จำกันให้ดี
นี่ละแดนนรกอยู่ตรงนี้ แดนสวรรค์อยู่ที่รู้จักสิ่งเหล่านี้เป็นภัย โลกทั้งหลายกลัวกัน ทำไมพวกเราจึงไม่กลัว กล้าหาญชัยต่อสิ่งล่มจม ถ้าไม่ตั้งหน้าตั้งตาจะล่มจมกัน เฉพาะอย่างยิ่งทั้งประเทศไทยนี้ไปสนใจกับมันอะไร พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย เลี้ยงเรามาไม่ได้เลี้ยงมาด้วยยาฝิ่น กัญชา สุรา ยาเมา ยาเสพย์ติดอย่างนี้นะ ท่านเลี้ยงมาด้วยขนมทุกสิ่งทุกอย่างนม เนย มีแต่ของดิบของดีมาเลี้ยงลูก ลูกคนทุกข์คนจนเลี้ยง พ่อแม่เป็นคนทุกข์คนจนเลี้ยงลูกจนเติบโตขึ้นมาเป็นผู้เป็นคนเหมือนกันหมด แต่ไม่เคยมีพ่อแม่คนไหนแหวกแนวไปหาสุรายาเมายาเสพย์ติดมาเลี้ยงลูก |