 |


/body onLoad="MM_preloadImages('../images/link_2_6_a.gif')">


/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" page="dhamma_online";
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" src="http://truehits1.gits.net.th/data/e0008481.js">
|
 |
|

ในพรรษาเราจะทำอะไร |
 |
วันที่ 24 กรกฎาคม. 2545
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด |
| | ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
| |
ค้นหา :
ในพรรษาเราจะทำอะไร
วันที่ ๓ เดือนหน้านี้ก็จะได้ออกเดินทางไปกรุงเทพฯ อีก อันนั้นกรมประชาสัมพันธ์รวมกับสำนักงบประมาณฯ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน กระทรวงการคลัง รวมเป็นเจ้าภาพ ถ่ายทอดทีวีช่อง ๑๑ และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย อันนี้มีแต่ใหญ่ ๆ รวมกันเป็นเจ้าภาพ แล้วนิมนต์เราไปแสดงธรรม ทีแรกเราบอกเราไม่รับ ทีนี้เขาขอแล้วขอเล่า เขาก็แสดงเหตุผลออกมาทุกอย่าง รวมแล้วมีแต่สำนักงานใหญ่ ๆ เช่น สำนักงบประมาณอะไร ๆ มารวมที่นั่นหมด ตกลงเราก็เลยรับให้ จึงต้องสัตตาหะไปกรุงเทพฯอีก ๗ วัน วันที่ ๓ ไปวันที่ ๙ กลับ วันที่ ๓ ไปวันที่ ๔ ก็มีงาน วันที่ ๕ ก็มี เว้นวันที่ ๖ วันที่ ๗ ก็เป็นงานกรมประชาสัมพันธ์ วันที่ ๗ วันที่ ๙ กลับมา ๗ วัน
แทนที่จะมาผาสุกสบายไม่ได้สบายนะ เราว่าจะค่อยลดลงทุกอย่าง มันกลับเพิ่มขึ้นนะเวลานี้ เพิ่มขึ้นเรื่อย การเทศน์ก็เหมือนกัน ยิ่งกระจายออกไปเรื่อย ๆ เราอ่อนลงทุกวัน ๆ แล้ว เราจะไม่เทศน์เหมือนแต่ก่อนจะรับให้เฉพาะจำเป็นๆ ที่ไหนมันก็เลยจำเป็นไปหมดที่นี่ มาเรื่อย ๆ โอ๋ย มันจะตายแล้วนี่ ไปกรุงเทพฯคราวนี้ก็ตั้งแต่วันที่ ๑ เทศน์ตลอดเลย จนกระทั่งกลับมาไม่ได้หยุดนะ มีว่าง ๒ วัน วันที่ ๖ กับวันที่ ๘ เท่านั้น กรมประชาสัมพันธ์เทศน์วันที่ ๗ บ่าย ๒ โมง เขาจะถ่ายทอดสดทั่วประเทศไทยวันนั้น
วันเทศน์ปทุมธานีนั้นก็เอนไปทางพระมาก เพราะพระเป็นพันแล้วตั้งหน้าตั้งตามาในงานเพื่อจะได้ฟังธรรม บรรดาพระทั้งหลายไปมีจุดนี้เป็นจุดศูนย์กลางและทราบแล้วว่าเราจะเทศน์ ก็มุ่งหวังต่อการฟังเทศน์ หลักใหญ่อันหนึ่งนะ ถือครูบาอาจารย์เป็นหลักไว้ทีนี้ก็มุ่งหน้ามุ่งตาจะไปฟังเทศน์ เพราะฉะนั้นการเทศน์เราจึงหมุนไปทางพระ ดูเหมือนจะถึง ๗๐% เริ่มต้นก็ขึ้นพระเลยเทียว ไม่ได้มองใครละมองพระเลย คนนี่นั่ง โอ๊ย มืดแปดทิศเลย คนมากจริง ๆ เต็มหมด แต่เครื่องกระจายเสียงมันทั่วหมด เทศน์เป็นเวลาตั้งชั่วโมง ๑๐ นาที แต่คนมาก ๆ นี้เงียบหมดเลยเหมือนไม่มีคน ได้ยินแต่เสียงเทศน์แว้ว ๆ ๆ ออกกระจายทั่ว เพราะลำโพงมีอยู่ทั่วไป คนก็ตั้งแต่ฟ้าหญิงเล็กฯลงมา ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ วงราชการต่าง ๆ ไปเต็มหมดเพราะฟ้าหญิงฯเสด็จ
วันนี้ท่านเหล่านี้จะได้ฟังเทศน์บ้าง แต่เสียดายที่ว่ากำลังและเวลามีน้อยจึงเอนไปทางประชาชนเพียง ๓๐% นอกนั้นมุ่งใส่พระ พระเป็นพัน มีแต่พระกรรมฐานที่มุ่งไปเพื่อฟังอรรถฟังธรรม ประชาชนเขาก็ฟังอยู่เรื่อยของเขา แต่พระนี้ไม่ค่อยได้ฟังจากครูบาอาจารย์ วันนั้นเห็นไปกันมากมาย เราก็เลยหมุนไปทางพระ เทศน์ดูเหมือนได้ ๗๐% ตั้งแต่ต้นขึ้นเรื่อย ๆ เกี่ยวกับพระ พอสมควรแล้วจึงเอียงมาทางประชาชน เทศน์ให้รู้จักเรื่องราวต่าง ๆ กอดศาสนาอยู่ไม่ได้เรื่องได้ราว
สรุปทองคำและดอลลาร์ตั้งแต่วันที่ ๑ ถึงวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๔๕ ได้ทองคำ ๕๘ กิโล ตั้งแต่วันเราออกเดินทางไปกรุงเทพฯวันที่ ๑ ถึงวันที่ ๒๓ กลับมาเมื่อวานนี้ได้ทองคำ ๕๘ กิโล ๑๓ บาท ๑ สตางค์ ที่ไปคราวนี้นะ ดอลลาร์ได้ ๕๖,๑๒๖ ดอลล์ ทองคำที่มอบเข้าคลังหลวงแล้ว ๕,๐๕๙ กิโลครึ่ง หรือ ๕ ตันกับ ๕๙ กิโลครึ่ง ทองคำที่ได้หลังจากการมอบแล้วคือวันที่ ๑๑ เมษาฯได้ ๑๓๕ กิโล ๓๓ บาท ๖๐ สตางค์ ตั้งแต่หลังวันที่ ๑๑ เดือนเมษาฯ ที่มอบทองคำไปเรียบร้อยแล้วนั้นได้ทองคำตามหลังมาอีก ๑๓๕ กิโล ๓๓ บาท ๖๐ สตางค์ รวมทองคำทั้งหมดได้ ๕,๑๙๕ กิโล รวมทั้งที่เข้าแล้วและยังไม่ได้เข้า รวมทั้งหมดจึงได้ทองคำ ๕,๑๙๕ กิโลหรือ ๕ ตันกับ ๑๙๕ กิโล
ดอลลาร์ที่มอบเข้าคลังหลวงแล้วเวลานี้ยังไม่ถึง ๗ ล้านนะ ๖,๘๖๗,๐๐๐ ดอลล์ แต่ที่ฝากไว้ทั้งสองบัญชีนี้แสนกว่าแล้ว ไปคราวนี้ได้มากอยู่ ๕๖,๑๒๖ ดอลล์ อันนี้เราก็แยกเป็นสองภาค ภาคบัญชีอุดรฯ ภาคบัญชีกรุงเทพฯ ดอลลาร์นี่แยกกันให้เสมอกันไปเรื่อย ๆ เพราะเราเป็นคนแยกเอง ถ้าทางนู้นมากได้อยู่ทางนี้ก็ต้องแบ่งไปทางนู้น ไปอยู่ทางนู้นถ้าได้ทางนู้นมากก็ต้องแบ่งมาทางนี้ให้เสมอกันไปเรื่อย ๆ ดอลลาร์เราคิดว่าถึงวันครบ ๑๐ ตันของทองคำแล้ว ดอลลาร์ต้องได้ ๑๐ ล้านไม่สงสัย
พี่น้องทั้งหลายกรุณาทราบทั่วกันนะ เวลานี้หลวงตาได้ขึ้นเวทีออกสนามขึ้นเวทีเป็นครั้งสุดท้ายแล้วเกี่ยวกับเรื่องทองคำของเรา คือทองคำของเราคราวนี้ยังไงต้องขอให้ได้ ๑๐ ตันหรือ ๑๐,๐๐๐ กิโล กว่าทองคำของเราจะได้ ๑๐ ตัน ดอลลาร์เวลานี้ก็ร่วมเข้า ๗ ล้านแล้ว ยังไงก็จะต้องได้ ๑๐ ล้าน ขอให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบทั่วหน้ากัน และคราวนี้เป็นคราวสำคัญมากในเมืองไทยของเรา ที่จะยกชาติไทยของเราขึ้นลบล้างสิ่งเลวร้ายทั้งหลายที่จะพาคนไทยทั้งชาติจำนวน ๖๒ ล้านคนจมลงในทะเล เมื่อสามสี่ปีผ่านมานี้ เวลานี้ก็กำลังพากันรื้อฟื้นขึ้นมา รู้สึกว่าพอลืมตาอ้าปากได้บ้างแล้ว ไม่มีแต่คอยจะจมเหมือนแต่ก่อนนะ
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเราจึงขอให้ได้ทองคำ ลบล้างสิ่งเลวร้ายทั้งหลายที่ผ่านมาเมื่อสามสี่ปีนี้ให้เป็นความสง่าราศีของชาติไทยเรา และความแน่นหนามั่นคงของชาติไทยเราทั่วหน้ากัน คือได้ทองคำ ๑๐ ตันแล้วเรียกว่าลบได้ ทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน ส่วนดอลลาร์จะตามกันไปไม่ต่ำกว่า ๑๐ ล้าน อันนี้เราไม่พูด เราจะพูดเฉพาะทองคำว่ายังไงต้องให้ได้ ๑๐ ตันเพื่อลบล้างสิ่งเลวร้ายทั้งหลายที่ผ่านมาเมื่อสามสี่ปีนี้ ให้เด่นขึ้นด้วยความศักดิ์ศรีดีงามแห่งชาติไทยของเรา ด้วยทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน ลงได้ทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตันแล้ว หลวงตาจะออกหน้าสนามเลย
ใครจะมาต่อว่าติฉินนินทาชี้หน้าด่าทออะไร เราจะออกสนามต่อยคนเดียวหมัดเดียวพอ พี่น้องทั้งหลายไม่ต้องให้อยู่ข้างหลัง เพราะเราเป็นผู้กำหนดเองทองคำน้ำหนัก ๑๐ ตัน เมื่อได้มาแล้วยังถูกโจมตีอีกจึงปัดพี่น้องทั้งหลายคืนข้างหลัง เราจะเป็นผู้ต่อสู้ฟาดมันเลย ยืนจังก้าอยู่หน้าเลย มีสองหมัดเท่านี้ ไม่ต้องเอามาก เพราะเหตุไรถึงไม่ต้องเอามาก หมัดหมาของเราอยู่ที่ในวัดนี้ถึง ๑๒ ตัว ตัวหนึ่งหมัดมันเท่าไรเต็มหลังมัน เราจะคว้าเอาหมัดหมามาช่วย ฟาดมันหงายหมาไปเลย หงายหมาแบบไม่เป็นท่าด้วยนะ
เราเป็นคนประกาศเอง ได้อันนี้แล้วสง่างามมากทีเดียว ไม่มีข้อต้องติ เวลานี้เราจึงพยายามทุกคนๆ ความรักชาติของเราเป็นสำคัญ เรามีลูกคนเดียวเรารักขนาดไหน พิจารณาซิ ใครไม่รักลูกมีเหรอ ตั้งแต่หมามันยังรักลูกของมัน คนรักลูก แล้วคนไทยเป็นลูกชาติไทยจะว่าไง ไม่รักชาติจะไปรักอะไร พิจารณาซิ นี่เป็นเรื่องใหญ่ยิ่งกว่าที่เรากล่าวมานี้นะ เมื่อรักแล้วต้องพร้อมที่จะปกป้องรักษาทุกด้านทุกทาง และพร้อมที่จะเสียสละด้วยความพร้อมเพรียงสามัคคีกัน นี่สมชื่อสมนามว่าเราเป็นชาติไทย เรารักชาติไทย เราเสียสละหรือปกป้องเพื่อชาติไทยของเรา จึงเอาให้เต็มเหนี่ยว
เวลานี้ยังบกพร่องอยู่ ทองคำที่ต้องการเวลานี้ ๑๐ ตัน จึงขอให้ได้ ๑๐ ตัน ได้ ๑๐ ตันแล้วเราจะออกหน้าสนามเอง ปกป้องทั้งหมด ใครจะมาตำหนิติเตียนพี่น้องชาวไทยเราว่าอย่างไรก็ตามเกี่ยวกับทองคำ เราจะออกหน้าทันทีเพราะเราเป็นผู้ประกาศเอง และก็ได้มาตามคำประกาศนั้นแล้ว เราจะสู้คนเดียวเลย ขอให้พี่น้องทั้งหลายตั้งอกตั้งใจ และประกอบกับในระยะ ๔ ปี ๕ ปีมานี้ หลวงตาได้ออกช่วยพี่น้องทั้งหลายทั่วประเทศไทยนี้ วัตถุคือสมบัติเงินทองข้าวของ อันนี้เป็นอันดับสองของจิตใจต่างหาก แต่วัตถุเป็นส่วนหยาบจึงยกขึ้นพูดก่อน เพราะเมืองไทยจะจมทั้งประเทศเกี่ยวกับเรื่องวัตถุความเป็นอยู่ เราจึงต้องออกอันนี้ก่อน วัตถุช่วยชาติบ้านเมืองนับแต่ทองคำขึ้นมา
อันดับที่สำคัญด้วยกันซึ่งจะแทรกกันไปกับด้านวัตถุนี้ คือจิตใจของชาติไทยเรา ไม่ว่าวัตถุใดก็ตาม จิตใจเป็นของสำคัญ ถ้าจิตใจซึ่งเป็นเจ้าของของวัตถุต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย เหลวไหลเสียอย่างเดียวเท่านั้น สิ่งทั้งหลายเหลวไหลไปหมดนะ เพราะฉะนั้น จึงต้องปรับปรุงจิตใจของเราให้มีเหตุมีผลมีหลักมีเกณฑ์ แน่นหนาฝาคั่งด้วยอรรถด้วยธรรม เป็นเครื่องปกครองสมบัติเงินทองข้าวของและชาติของเรา ตลอดตัวของเราแต่ละคน ๆ ให้มีความแคล้วคลาดปลอดภัยสง่างาม เมื่อย้ายไปที่ไหนคนมีศีลมีธรรมมีหลักมีกฎมีเกณฑ์นี้จะสง่างามนะ ไม่ผิดพลาด ไม่แสลงหูแสลงตาของใคร ๆ ก็ตามนะ ถ้าคนไม่มีศีลมีธรรมนี้ ไปที่ไหนมันขวางไปเลย ขวางไปหมด
เพราะฉะนั้นจึงต้องปรับปรุงจิตใจให้เข้าสู่ศีลสู่ธรรม ในระยะเดียวกันกับการช่วยชาติ จึงเป็นเรื่องสำคัญ อันนั้นเป็นเรื่องชาติ เรื่องศีลธรรมเป็นเรื่องศาสนา ขอให้มีในจิตใจของประชาชนชาวพุทธเราทุกคน ขอให้ได้ ธรรมะที่สอนพี่น้องทั้งหลายหลวงตาได้ประกาศก้องมาเป็นเวลานานหลายสิบปีแล้ว ธรรมที่ออกมาแสดงนี้หลวงตาไม่มีความสะทกสะท้านหวั่นไหวว่าจะผิดไป เพราะเหตุไร การปฏิบัติหนักเบามากน้อยเพียงไร หลวงตารู้ประจักษ์ตัวเอง การปฏิบัติคือการบำเพ็ญเหตุที่จะให้ผลเกิดขึ้น เราบำเพ็ญมายังไง ๆ เราพอใจ ภูมิใจในการบำเพ็ญของเรา ประจักษ์ใจ ผลที่ได้มาก็เป็นที่พึงพอใจ
สรุปลงไปแล้วทั้งเหตุทั้งผลบวกกันแล้วเป็นที่พอใจทุกอย่าง ธรรมในหัวใจเราไม่เคยมีแง่ใดที่จะสงสัยตัวเอง ตั้งแต่วันกิเลสขาดสะบั้นลงไปจากหัวใจเท่านั้น เพราะกิเลสจะทำทุกแง่ทุกมุมก่อเรื่องก่อราว ยุแหย่ก่อกวนให้เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ กวนจิตใจตลอดเวลาคือกิเลสเท่านั้น พอกิเลสขาดสะบั้นลงไปแล้วปัญหาทั้งมวลนี้หมดโดยสิ้นเชิง ไม่มีอะไร เหลือแต่คำว่าพอ ไม่มีอะไรเข้าไปขัดไปแย้งได้เลยคำว่าพอ นี่หลวงตาได้ทรงธรรมประเภทคำว่าพอมาเป็นเวลา ๕๐ กว่าปีนี้แล้ว นี่ประกาศสอนพี่น้องทั้งหลายด้วยความองอาจกล้าหาญชาญชัยจากหัวใจ ที่บำเพ็ญมาก็ประจักษ์ใจเรา แล้วผลที่ได้ก็ประจักษ์ใจเรา ทั้งสองอย่างนี้เป็นที่ภูมิใจถึงขั้นเมืองพอ
เราได้มาสั่งสอนท่านทั้งหลายจึงไม่สงสัยในอรรถในธรรม ที่มาสั่งสอนนี้ไม่ว่าธรรมขั้นใดภูมิใจจะผิดไปไม่มี เป็นที่แน่ใจทุกด้านทุกทาง ขอให้พี่น้องทั้งหลายได้นำไปประพฤติปฏิบัติ เรื่องการขัดการข้องทางด้านศีลด้านธรรมเวลาเราจะบำเพ็ญความดีนี้คือเรื่องของกิเลส ข้าศึกของธรรม ต้องขัดข้องด้วยกันทุกหัวใจ ให้จำเอาไว้นะข้อนี้ เราคิดจะสร้างคุณงามความดีเพื่อผลประโยชน์แก่ตนและส่วนรวมนี้ กิเลสมันจะมากีดมาขวางไว้ทันทีเลย ไม่สะดวกอันนั้นไม่สะดวกอันนี้ เหตุการณ์ต่าง ๆ จะเกิดขึ้นทันทีในขณะที่เราคิดสร้างความดีต่อตัวเองหรือส่วนรวม นี้คือกิเลส นี้คือข้าศึกของเรา ข้าศึกของส่วนรวม หรือข้าศึกธรรม
ข้าศึกของธรรมไม่มีอะไรมีกิเลสเท่านั้น กิเลสมีในหัวใจเราจึงเป็นข้าศึกของธรรมในใจเราด้วย เมื่อเป็นอย่างนั้นจึงต้องฟัดต้องเหวี่ยงต่อสู้กัน มันไม่อยากทำเราทำ เพราะไม่อยากทำคือข้าศึกขวางหน้าแล้ว ข้าศึกก็คือข้าศึกศัตรูที่จะทำเราให้ล่มจม มันขวางหน้าเราเราปัดทันที เรียกว่าต่อสู้กัน เราจะไปสร้างความดี มันขัดมันข้องไม่อยากให้ไป ไป จะทำอะไรถ้าเป็นความดีมันขัดข้อง เราทำ ๆ นี่ชื่อว่ารบกับข้าศึกศัตรูคือมหาภัยต่อหัวใจของเราและส่วนรวมนั่นแหละ ให้พากันจำไว้นะ อย่าถือเรื่องความขัดข้องอย่างนั้นอย่างนี้ โดยอุบายของกิเลสมาหลอกลวงเราที่จะสร้างความดีนี้เป็นประมาณไม่ได้นะ ต้องถือธรรมเป็นประมาณ เอาธรรมเป็นประมาณ
ธรรมชี้ออกตรงไหน นั่นแหละแน่วแน่ต่อความสะดวกรื่นเริงบันเทิง จนกระทั่งความพ้นทุกข์ไปจากคำว่าธรรมอย่างเดียว กิเลสแม้น้อยก็ตามเป็นเสี้ยนเป็นหนาม ใหญ่โตกว่านั้นกีดขวางหมด เอาชาติไทยของเราให้จมทั้งประเทศก็ได้ และเอาเราให้จมลงในนรกก็ได้ อำนาจของกิเลส ธรรมนี้รื้อฟื้นขึ้นได้ทั้งชาติไทยของเรา ทั้งจิตใจขึ้นสู่มรรคผลนิพพานได้ คำว่าเอาธรรมมารื้อฟื้นเป็นยังไง ๑ รักชาติ ๒ รักษาป้องกันชาติให้ดีด้วยสติปัญญาอย่างรอบคอบ ๓ เป็นนักเสียสละ ๔ ด้วยความพร้อมเพรียงสามัคคีกัน เราเป็นคนไทยเท่ากับอวัยวะเดียวกัน ใครจะอยู่ภาคไหน ๆ ก็ตาม เหมือนแข้งขาของเรา มันไม่ได้อยู่ที่เดียวกัน หัวอยู่อย่างหนึ่ง ร่างกายอยู่อย่างหนึ่ง แขนซ้ายแขนขวาอย่างหนึ่ง เท้าซ้ายเท้าขวาอย่างหนึ่ง รวมแล้วก็อยู่ในร่างกายอันเดียวกัน
อันนี้ก็เหมือนกัน ชาติไทยเราเป็นจุดศูนย์กลาง แล้วภาคนั้นภาคนี้คืออวัยวะของไทย ไม่ว่าภาคไหน ๆ เป็นอวัยวะของไทยเราเช่นเดียวกับอวัยวะของร่างกาย คือเป็นสมบัติของร่างกาย นี้เรารักสุดส่วนเสมอกันหมด ร่างกายของเราตรงไหนที่ความรักของเราบกพร่องไปไม่มีนะ นับแต่นิ้วเท้าขึ้นมาหาศีรษะของเรา อวัยวะส่วนใดมีความรับผิดชอบ มีน้ำหนักความรักเสมอกันหมด ไม่มีอะไรยิ่งหย่อนกว่ากัน
อันนี้ชาติไทยของเราก็เหมือนกัน ไม่ว่าจะอยู่ในภาคใดมุมใดก็ตาม นี้คือชาติไทยซึ่งเป็นอวัยวะของชาติ เราต้องมีความรักความสงวน มีความกลมกลืนสามัคคี ประหนึ่งว่าเป็นอวัยวะเดียวกัน แล้วชาติไทยของเราก็จะมีความแน่นหนามั่นคง ถ้ามีความสมัครสมาน มีความรักชาติของตัวเองถือเป็นอวัยวะเดียวกัน แล้วจะสมานเข้ามาเป็นความแน่นหนามั่นคง ถ้าไปแยกอย่างนั้นแยกอย่างนี้ ไปตำหนิแขนซ้ายไปตำหนิแขนขวา ไปตำหนิขาซ้ายไปตำหนิขาขวา ตำหนิหัวแล้ว พวกนี้หัวขาด แขนก็ขาด ขาข้างซ้ายข้างขวาก็ขาด ยังเหลือแต่ท่อนกลางคือร่างกายเกิดประโยชน์อะไร พิจารณาซิ เมื่อตัดอวัยวะซึ่งเป็นเครื่องประดับประกอบกันให้สมบูรณ์พูนผลออกหมดแล้ว ยังเหลือแต่อวัยวะซึ่งเป็นเหมือนกับท่อนฟืน ท่อนฟืนไม่ได้เป็นที่น่ารังเกียจนะ แต่คนยังเหลือแต่ท่อน ถูกตัดอวัยวะออกหมด ยังเหลือแต่ร่างกายท่อนเดียวน่าดูไหม พิจารณาซิ
นี่ชาติไทยก็เหมือนกัน ตัดภาคนั้นออก ตัดภาคนี้ออก ซึ่งเป็นอวัยวะของร่างกยคือชาติไทยอันเดียวกัน เมื่อตัดออกไปแล้วตัดภาคนั้นตัดภาคนี้ออก ให้ยังเหลือแต่ร่างกายของเราจุดเดียวคือชาติไทย หรือจะว่าภาค เอ้า ให้เหลือแต่ภาคกลาง แล้วภาคกลางก็เหลือแต่อวัยยะเกิดประโยชน์อะไร กลางก็กลางแห่งความทุกข์ทั้งนั้น ไม่ได้กลางแห่งความสุขนะ เราแยกให้เห็นอย่างนี้นะ เพราะฉะนั้นรวมแล้วจึงเรียกว่าชาติไทย ทุกภาค ๆ รวมเข้ามาจุดศูนย์กลางคือร่างกายของเรา
เมื่อต่างคนต่างสงวนรักษา ต่างคนต่างถือเป็นเลือดเนื้ออันเดียวกัน มีความรักความเมตตาสงสาร ความเฉลี่ยเผื่อแผ่ต่อกันแล้ว ที่ไหนสบายหมด นี้คือความสมานนะ ไอ้ความไปแยกนั้นแยกนี้ คือตัดแข้งตัดขานะ ใช้ไม่ได้นะ จะฉิบหายได้ การประสาน อะไรบกพร่องให้รีบซ่อมแซม ๆ อันไหนไม่มีให้หามา อันใดที่จะมาทำลายส่วนรวมตัดออกๆ นั้นชื่อว่าเป็นผู้รักษาชาติ ถ้าต่างคนต่างรักษาชาติเมืองไทยเราจะขึ้น นี้คือด้านวัตถุที่พูดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง
ความประสานสามัคคีซึ่งกันและกันคือด้านจิตใจ ด้านจิตใจถืออวัยวะทั้งหมด ชาติไทยทั้งชาตินี้เป็นอวัยวะอันเดียวกันคือชาติไทย แล้วต่างคนต่างรักสงวนด้วยกันมีความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน อย่าดูถูกเหยียดหยามกัน เราเกิดมาทุกคนมีแต่เกิดมาด้วยอำนาจแห่งกรรม พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาองค์เอก เกิดมานี้ก็พระพุทธเจ้าสอนไว้ตามหลักของกรรม ใครอยากเกิดตามความต้องการทุกคนแต่ทำไมไม่ได้ เพราะกรรมของตัวเองที่สร้างมาไม่อำนวย ถ้ากรรมของตัวเองสร้างมาอำนวยแล้ว ไปเกิดที่ไหนก็เกิดได้ที่ดี ๆ เพราะเราทำแต่ของดีเอาไว้ ถ้าทำของชั่วไว้อยากได้ดีเท่าไรก็ไม่ได้นั่นแหละ มีแต่ของชั่ว ๆ เพราะกรรมของตัวเองขัดขวางตัวเอง กรรมชั่วของตัวเองนั่นแหละขัดขวางตัวเอง กรรมดีส่งเสริมตัวเอง นี่เรียกว่าภาคศีลธรรม ที่ได้นำสอนพี่น้องทั้งหลายให้มีจิตใจใฝ่อรรถใฝ่ธรรม
การทำบุญให้ทาน อันนี้เป็นพื้นฐานแห่งชาวพุทธของเรามาดั้งเดิม ไม่ว่าภาคไหนเรื่องทานนี้เป็นพื้นฐาน ไปที่ไหนไม่อดอยากแหละชาติไทยของเรา เป็นพื้นฐานแห่งชาวพุทธเรา แล้วศีลก็ควรจะให้มีให้รักษา ถ้ารักษาศีลก็รักษาเรา รักษาชาติไทยของเรา รักษาหัวใจซึ่งกันและกันนั้นแหละ ศีลนี้เกี่ยวกับหัวใจคนทั้งโลกเหมือนกันจะว่าไง ผิดศีลข้อหนึ่งก็ผิดคนทั้งโลกได้เหมือนกัน ฆ่ากันนี้ฆ่าคนนี้กระเทือนไปทั่วโลกจะว่าไง ฉกลักขโมยใครจะยอมให้ฉกลัก มีความรักสงวนของตัวเองมากขนาดไหน สมบัติแต่ละชิ้น ๆ มีค่าอยู่ที่จิตใจนะ ที่ยกกันให้ด้วยความพอใจ ยกเงินให้เป็นล้าน ๆ ก็เป็นความดีใจทั้งผู้ให้ทั้งผู้รับ แต่ถ้ามาปล้นมาจี้มาบีบบังคับเอานี้ เข็มเล่มเดียวก็ฆ่ากันได้นะ มันรุนแรงอยู่ที่จิตใจ ใจเป็นของสำคัญ ให้จำอันนี้ให้ดี ให้พากันรักษาให้ดีศีล
แล้วการภาวนา นี่ก็เป็นกาลเวลาที่เหมาะสมแล้วที่พี่น้องชาวพุทธเรา จะมีเวล่ำเวลาดัดแปลงแก้ไข หรือมีกฎกติกาบังคับตัวเองให้ได้ความสัตย์ความจริง คือศีลธรรมเข้าสู่ใจ เช่นจะเริ่มเข้าพรรษาวันพรุ่งนี้ วันนี้เป็นวันรวม วันพรุ่งนี้เป็นฤดูฝน วันนี้ยังเป็นฤดูร้อนอยู่ พรรษาแปลว่า ฤดูฝน พอวันพรุ่งนี้ก็เข้าพรรษาแหละ ใครจะตั้งสัจอธิษฐานอะไรเพื่อเป็นสารคุณแก่ตน ตั้งสัจอธิษฐานคือสร้างป้อมป้องกันกิเลสทำลาย มันจะมาทำลายในแง่ต่าง ๆ ทำให้เหลวไหล ๆ ไปหมด ทำเราให้เหลวไหล เพราะฉะนั้นเราจึงต้องเอาศีลธรรมเอาความสัตย์ความจริงไปตั้งเป็นกำแพงกั้นเอาไว้
เอา ในพรรษานี้เราจะทำอะไรให้ตั้งจิตไว้กับตัวเอง การให้ทานวันหนึ่งเราจะไม่ให้ขาด ตั้งไว้ ไม่ให้ขาดคือยังไง พระท่านไปบิณฑบาตเราให้ทานทัพพีหนึ่งก็ดี ข้าวปั้นหนึ่งก็ดี นี่เป็นสัจอธิษฐานแล้ว เป็นทานบารมีด้วย เป็นสัจจบารมีด้วย เราจะไม่ขาดตลอดพรรษา หรือจะให้ทานประเภทใดก็ตาม วันหนึ่งจะไม่ให้ขาดการให้ทาน นี่เรียกว่าเป็นความสัตย์ความจริงของเรา ทั้งทานบารมี ทั้งสัจจบารมีของเรา ได้ประจำ ๆ นี่คือเราสร้างความดีกั้นเรื่องธรรมจะให้ขาดให้วิ่นไป วันนี้ได้ทำ วันนั้นไม่ได้ทำ นี่กิเลสเข้ามาเอาแล้วนะ หาเรื่องว่าวันนี้ยุ่งวันนั้นยุ่ง แล้วได้ขาดวรรคขาดตอนในการทำบุญให้ทานประจำวันไปเสีย นี่เรียกว่ากิเลสเข้ามาตัดทอนแล้ว ตัดกิเลสประเภทนั้นออก ตายก็ตายเถอะว่างั้นเลย ให้จำเอานะ
แล้วผู้ที่เป็นนักคอสุราก็เหมือนกัน ให้ตัดให้ขาด ตั้งแต่เกิดมาพ่อแม่ไม่เอาสุรามากรอกปากใครแหละ ลูกใครรักทุกคน แม่ไม่เคยเอาสุราซึ่งเป็นของเลวร้ายมากรอกปากลูกเต้าของตนนะ แล้วโตขึ้นมามันหาเหล้ามาสะแตกอวดพ่ออวดแม่ของมัน พวกเทวทัตฆ่าพ่อฆ่าแม่ดูถูกเหยียดหยามพ่อแม่ด้วยการสะแตกสุราลงไป เข้าใจไหม สุราเป็นของต่ำช้าว่าสะแตกมันเข้ากันได้ เข้าใจหรือเปล่า ไม่ได้พูดหยาบโลน สุรามันหยาบโลนกว่าสะแตก สะแตกก็บอกอย่ายัดห่าสุราก็บอกอย่างนั้นต่างหาก มันต้องแปลหลายศัพท์หลายแสงซิ สุรามันหลายเล่ห์หลายเหลี่ยม เวลากินลงไป
๑.เสียทรัพย์
๒.ก่อการทะเลาะวิวาท
๓.เกิดโรค
๔.ต้องติเตียน
๕.ไม่รู้จักอาย
มันเป็นตั้งหลายประเภท อันนี้สะแตกคำเดียวเสียไปไหน เข้าใจไหม สุรามันเสียหลายด้านหลายทาง ให้งด เอ้า มันจะตายก็ให้ตาย บอกอย่างนั้นเลย ถ้ามันจำเป็นจริง ๆ มันจะตายจริง ๆ แถวนี้ไม่ไกลกันนัก ให้มาเอาหลวงตาบัวไป กุสลา ให้ คนนี้เขาหายใจปลางาบ ๆ อยู่ เขาไม่ได้สะแตกสุราเขากำลังจะตาย หลวงตาจะไปเป่าฟูดเดียว สุราตกห้าทวีป เข้าใจไหม เอาไอ้นี่ขึ้นมาเป็นคนดิบคนดี ไม่กินสุรามีคุณค่ามาก ต้องเอาอย่างนั้นซิ ต้องเด็ดไม่เด็ดไม่ได้ ความชั่วอย่าเข้าใจว่ามันอ่อน มันไม่เคยอ่อนนะ ความชั่ว มันฝังอยู่ในหัวใจของสัตว์โลกเฉพาะอย่างยิ่งของชาวพุทธเรา มันฝังอยู่อย่างลึกลับ ๆ มันคอยจะตีอยู่ตลอดเวลา เราไม่มีอะไรที่จะต้านทานมันได้ หรือเอาชนะกับมันได้ นอกจากธรรม ถ้าธรรมแล้วตั้งสัจจะลงไปปึ๋งแล้ว เอ้า ขาดก็ขาด ยังไงกิเลสต้องหงายเลย
ให้พากันเข้าใจนะ ถ้าไม่ใช้ธรรมเข้าไปช่วยไม่ได้นะ จะคอยตามโอกาสอำนวย ๆ โอกาสจะเป็นของกิเลสทั้งหมดไม่ได้เป็นของเรา วันนั้นไม่มีเวลาวันนี้ไม่มีเวลา จะทำอะไรไม่มีเวลา บทเวลาตายกิเลสมันไม่เห็นบอก บทตายมันมีเวลาด้วยกันใช่ไหม อยู่ที่ไหนมันก็ตายได้ กิเลสไม่เห็นบอก บทเวลาจะสร้างความดีก่อนตาย กิเลสว่าไม่มีเวลา ๆ เห็นไหม เราต้องตัดกิเลสเข้าไปซิ เวลาตายมันไม่เห็นบอกล่ะ ก็ว่างั้นซิ มันตายได้ด้วยกัน ตอนนี้เราจะสร้างความดีก่อนตาย มันเสียหายไปไหน มาขวางทำไม ฟาดปากมันปั๊วะเลยพร้อม เข้าใจไหม ต้องอย่างนั้น ต้องมีเด็ดนะพี่น้องทั้งหลายต้องเด็ด กิเลสมันเด็ด มันเหมือนสายยางนะกิเลส ดึงอย่างนี้มันตึงตลอดเวลา พอหลุดมือปั๊บดีดผึงเข้าเลย
นี้ละอำนาจของกิเลสไม่ได้อ่อนตัวนะ ธรรมเราเวลาอบรมทีแรกอ่อนปวกเปียก ๆ นะ แต่ยังไงก็ตามไม่พ้นที่เราจะฝึกฝนอบรมให้หนาแน่นขึ้นไป หนาแน่นได้ ๆ อย่างที่เคยพูดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง หลวงตาบัวเอาตัวเองออกยันเลย ๆ เพราะเป็นสนามรบทั้งกิเลสทั้งธรรม ทั้งเหตุทั้งผลอยู่ในนี้หมดแล้ว มาสอนพี่น้องทั้งหลายจึงเอาออกตั้งแต่ความสัตย์ความจริงที่ตนปฏิบัติมายังไง นี่เวลาอ่อน ๆ ปวกเปียก ก็ยังบอกแล้ว ขึ้นบนภูเขา นั่งน้ำตาร่วงลงมาตั้งแต่ภูเขา จะไปสู้กิเลสสู้มันไม่ได้ มันฟัดทีเดียวเท่านั้นหงายหมา ๆ มาไม่รู้กี่ครั้งนะ แล้วขึ้นไปสู้ไม่ถอย ๆ ต่อไปทีนี้มันก็เอนมันก็ล้ม ล้มเราก็ได้ท่า มันล้มเพราะเหตุใด นี่เราจับเอาไว้นะหลักวิชา เราต่อยมันยังไงกิเลสมันถึงล้ม ต่อยด้วยวิธีนั้น ๆ กิเลสล้ม จำวิธีนี้ไว้ส่งเสริมวิธีที่ต่อยกิเลสล้ม ให้หนักเข้าให้กิเลสหงายหมาเลย
ครั้นต่อยไป ๆ มันก็ได้เรื่อย ๆ นี่เราขอสรุปเอาเลย จนกระทั่งถึงสติปัญญาเกรียงไกร เกรียงไกรคือยังไง กิเลสมันจะแข็งขนาดไหนก็ตาม ธรรมยิ่งแข็งเหนือกิเลสไปตลอด ๆ เป็นธรรมอัตโนมัติ แก้กิเลสโดยอัตโนมัติ แก้ไปตลอด ๆ ไม่ว่ายืน เดิน นั่ง นอน เว้นแต่หลับเท่านั้น ตื่นขึ้นมาฟัดกันแล้วระหว่างกิเลสกับธรรมเป็นเอง ไม่ต้องมีการบังคับ แต่ก่อนถูไถแทบเป็นแทบตาย...ฆ่ากิเลส ครั้นเวลาสั่งสมกำลังวังชาทางด้านทางอรรถธรรมขึ้นมาแล้ว ก็กลายเป็นสติปัญญาอัตโนมัติ เป็นความพากเพียรแก้กิเลสโดยอัตโนมัติเป็นลำดับลำดา จนเชื่อมโยงเข้าไปถึงมหาสติมหาปัญญา จากสติปัญญาอัตโนมัติ
นี่ก็พูดถอดออกมาจากหัวใจมาพูดให้ฟังนี่นะ แต่ก่อนเราก็ไม่เคยรู้เคยเห็น เกิดมากับพ่อกับแม่ พ่อแม่เราก็ไม่เป็น แต่เราออกปฏิบัติธรรม ออกไปบวชปฏิบัติธรรมอย่างนี้ แล้วก็รู้ขึ้นมา เห็นขึ้นมา เมื่อมันรู้ขึ้นมาแล้วมันก็ประจักษ์ใจ ๆ จนกระทั่งความเพียรเป็นเอง เอ้า ทีนี้กิเลสผ่านไม่ได้เลยนะ ถึงขั้นนั้นแล้วกิเลสผ่านไม่ได้ ขาดสะบั้นเป็นอัตโนมัตินะ ธรรมะจะฟาดเอาขาดสะบั้นเป็นอัตโนมัติ เหมือนกิเลสเอาความพากเพียรของเราขาดสะบั้นไปเหมือนกัน เป็นอัตโนมัติของมัน อันนี้พอได้ที่แล้วก็ใส่กันอย่างนั้น เอาจนกระทั่งกิเลสขาด ๆ ไม่มีอะไรเหลือเลย เพราะอำนาจแห่งความพากเพียร
เมื่อเป็นอัตโนมัติแล้วคำว่าความเพียรไม่มี นอกจากว่าความเพียรกล้าเพื่อความพ้นทุกข์ ที่จะให้เพียรในเวลาปฏิบัติไม่มี มีแต่รั้งเอาไว้ ๆ เพราะมันรุนแรงกับกิเลส ฆ่ากิเลส ความรุนแรงความผาดโผนโจนทะยาน ไม่มีอันใดที่จะเกินธรรมะประเภทอัตโนมัตินี้ไปได้ เวลารุนแรง รุนแรงมาก เพราะฉะนั้นกิเลสจึงขาดสะบั้น ๆ จนกระทั่งกิเลสไม่มีอะไรเหลือ ขาดสะบั้นลงไปตาม ๆ กันหมด ทีนี้โล่งสว่างจ้าไปหมด เป็นยังไง ธรรมเป็นของอับเฉาเหรอ
เวลานี้ธรรมอยู่ใต้ก้นส้วมก้นถานนะ กิเลสเป็นส้วมเป็นถาน แล้วมันเอาทองคำทั้งแท่งไปมุดไว้ใต้ดิน ขี้รดธรรม เรื่องศีลเรื่องธรรมอยู่ในหัวใจของเรา กิเลสก็ขี้โลภ ขี้โกรธ ขี้หลง มันขี้รดอยู่ที่หัวใจของเรา ธรรมของเราเลยเป็นมูตรเป็นคูถไปหมด กิเลสอยู่เหนือมูตรเหนือคูถเหยียบย่ำทำลาย เอ้า ฟื้นขึ้นให้ดีนะ ถ้าท่านทั้งหลายอยากเห็นความสุขความเจริญในหัวใจนี้แหละ อย่าไปถามนะ ต้นไม้ ภูเขา ดินฟ้าอากาศ ฟ้าแดด ดิน ลม กว้างแสนกว้าง ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ แถวนั้นไม่มี มีแต่ในหัวใจ ครั้นว่าสุขมากสุขมาก ทุกข์มากทุกข์น้อยจะมีอยู่ที่หัวใจ เวลาเราดิ้นตามกิเลส ทุกข์มากทุกข์น้อยจะขึ้นที่หัวใจ เป็นมหาทุกข์ก็เกิดที่หัวใจ ทีนี้เราสั่งสมคุณงามความดีเข้าไปโดยลำดับ สุขมากสุขน้อยจะสุขที่หัวใจ จนเป็นบรมสุข สุขที่หัวใจของเรานะ
ให้พากันบึกบึนซิ เราเป็นผู้รับผิดชอบ เราตกน้ำนี้ใครจะไปช่วยเรา เราต้องฟิตตัวช่วยเราเต็มกำลังความสามารถ ผู้อื่นช่วยไม่ได้แล้ว เราต้องเอาเต็มเหนี่ยว หรือผู้อื่นจะมาช่วยก็เป็นส่วนเกินไปเสีย เราต้องช่วยเราเต็มเหนี่ยว สำหรับคนตกน้ำเป็นอย่างนั้น อันนี้เราตกน้ำกองทุกข์กองภัยทั้งหลาย โอฆกันดารทั้งหลายอยู่ในนี้แหละ ให้ฟิตให้ช่วยตัวเองนะ เวลาตายแล้วมันหมดนะ หมดท่า คนดีก็ตามคนชั่วก็ตาม ตายแล้วหมด ในชีวิตนี้นะ แต่ผลที่ได้ทั้งดีทั้งชั่ว ติดกับหัวใจไม่หมดนะ มันจะพาไปเกิดอีกนะ ถ้าความชั่วก็พาไปเกิดทางชั่ว จะได้รับความทุกข์ความทรมาน ถ้าทางดีก็ดึงขึ้นทางดี
ใจไม่ตาย บุญบาปติดอยู่ที่หัวใจ ไม่ติดอยู่ที่สังขารร่างกาย สังขารร่างกายนรกก็ไม่ไป สวรรค์ก็ไม่ไป บาปก็ไม่มีบุญก็ไม่มี สังขารร่างกาย มีอยู่ที่ใจอย่างเดียวทั้งบุญทั้งบาป ให้พากันตั้งอกตั้งใจนะ ให้มีความสัตย์ความจริง การปฏิบัติศีลธรรมต่อตัวเอง อย่าอยู่เรื่อยๆ เฉื่อยๆ เหมือนสัตว์ไม่มีเจ้าของ เจ้าของของสัตว์คืออะไร พวกเราคือสัตว์ เจ้าของคือศาสดาองค์เอก พุทธศาสนาเป็นเจ้าของ ให้ฟังเสียงเจ้าของบ้างนะ พระพุทธเจ้าไม่ได้มาหวังแบ่งสันปันส่วนเอาอะไรจากเรานะ พวกเราเป็นผู้ได้รับความทุกข์ความลำบาก ช่วยตัวเองไม่ได้ก็ต้องอาศัยพระพุทธเจ้ามาฉุดมาลากโดยการแนะนำสั่งสอน ให้ปฏิบัติตามท่านถ้าอยากพ้นจากทุกข์ไปโดยลำดับลำดา ถ้าฟังกิเลสจมเรื่อยนะ ให้พากันจำให้ดีนะวันนี้ ไม่มีอะไรละวันนี้ พูดไปพูดมามันก็เลยไปใหญ่นะ
เรื่องการเข้าพรรษาทุกคนขอให้จำ ให้มีความสัตย์ความจริง มีกฎเกณฑ์ อย่าเหลาะแหละนะ ใช้ไม่ได้ ความเหลาะแหละทำคนให้เสียมามากต่อมาก ไม่มีหลักมีเกณฑ์ การเป็นอยู่ปูวายครอบครัวเหย้าเรือนหาหลักหาเกณฑ์ไม่ได้ คนไม่มีหลักมีเกณฑ์ ถ้ามีศีลธรรมเข้าที่ไหนดีหมดนะ คำว่าศีลธรรมคือความตายใจ ความเชื่อตัวเองได้ เราเชื่อเราได้ คนอื่นก็เชื่อเราได้ ต่างคนต่างมีศีลธรรม ต่างคนต่างเชื่อกันแล้ว สงบเย็นไปหมด จำเอานะ เอาละที่นี่
อ่านธรรมะหลวงตาวันต่อวัน ทางอินเตอร์เน็ต ได้ที่ www.Luangta.com |
** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก
ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์
และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์
|
|
|
|