เมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๓
วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2543
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๓

เรื่องที่เราทำประโยชน์นี้ เราจะกำหนดว่าเดือนนั้นเดือนนี้ จังหวัดนั้นจังหวัดนี้ เรากำหนดไม่ได้ แล้วแต่ความเหมาะสมเมื่อไร เพราะเราทำงานคนเดียว ถ้าลงช่องว่างตรงไหนได้ก็อาจลงตามนั้น ๆ จะรอเวลาโน้นก็เสียตรงนี้ จะเสียมากยิ่งกว่าเสียน้อยก็ไม่ดี เราก็คิดไปอย่างนั้น นี่ก็รับทราบไว้แล้วนะ

การนำนี้ศาสนาเป็นเครื่องประสาน เรื่องกิเลสเป็นเรื่องตีแตกตรงนั้นตีแตกตรงนี้ ตีลุกลามไปเรื่อย เรื่องศาสนาประสาน ๆ เรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นการพูดเหล่านี้เพื่อให้รู้เรื่องน้ำหนักของชาติทั้งชาติ อันไหนหนักอันไหนเบาเราให้มาคิดเฉลี่ยเพื่อการประสานกันแนบเนียนกัน การพูดอย่างนี้เพื่อให้พี่น้องทั้งหลายชาวไทยเรา เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เป็นอวัยวะเดียวกัน อย่างหญ้าเส้นหนึ่งนี้เด็ดขาดปั๊บ พอสองเส้นขึ้นมาเด็ดยาก สามเส้นสี่เส้นขึ้นมาเด็ดยากมากขึ้น มัดเข้าเป็นกอบเป็นกำแล้วเด็ดไม่ขาด นี่คือความพร้อมเพรียงสามัคคีแห่งชาติไทยของเรา

ชาติไทยของเราจะแน่นหนามั่นคงด้วยความสามัคคี ความรักกัน ความเห็นอกเห็นใจกัน นี้เป็นหลักใหญ่ของชาติไทยเรา ขอให้พี่น้องทั้งหลายจงจำเอาไว้ ศาสนามีแต่ความประสาน ๆ อันไหนพอซ่อมแซมได้ก็ซ่อมแซม ๆ ไม่สุรุ่ยสุร่าย ไม่ลุกลาม ซ่อมแซม ๆ สิ่งไหนเห็นว่าจำเป็นจริง ๆ แล้วพอเป็นประโยชน์ยังไง เช่นพระพุทธเจ้าท่านยกตัวอย่างให้เห็นในตำราเพื่อชาติไทยของเราที่เป็นชาวพุทธนี้ไปพิจารณา ท่านไม่ได้สุรุ่ยสุร่ายนะ ท่านเก็บหอมรอมริบ ยกตัวอย่างเช่น

ผ้าจีวรขาด อันนี้ควรจะใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง ทางอินเดียหน้าร้อนร้อนมาก ต้องเอาผ้าจีวรยำให้แหลกผสมกับดินเหนียวเข้าโปะฝาผนัง ไม่ทิ้งจีวรเปล่า ๆ เรียกว่าเก็บหอมรอมริบ ทีนี้เรื่องของเราก็เหมือนกัน เก็บหอมรอมริบเข้ามาให้เป็นความสามัคคี แน่นหนามั่นคงทั้งชาติ แน่นหนาเพียงจุดใดจุดหนึ่งไม่ดี ให้แน่นหนาทั้งชาติเรานี้เหมาะสมมากที่สุด เราจึงคิดเฉลี่ยเผื่อแผ่ให้ทั่วถึงกัน เราเป็นคนไทยด้วยกัน ชาติไทยด้วยกัน เกิดมาด้วยบุญด้วยกรรมด้วยกัน ใครเกิดในจุดใดก็ตามคือคนแต่ละคน ๆ เกิดมาด้วยกรรมเหมือนกัน

พระพุทธเจ้าสอนเรื่องกรรมนี้ ไม่ให้ดูถูกเหยียดหยามกัน ไม่เห็นแก่ตัว ให้เห็นแก่เพื่อนแก่ฝูง สัตว์อยู่ด้วยกันเขาก็เห็นใจกัน มนุษย์อยู่ด้วยกันก็เห็นใจกัน เมื่อมากน้อยต่างคนต่างเห็นใจกัน ประสานกันเข้าถึงกันหมด ความให้อภัยกันนี้เป็นสำคัญมาก ความไม่ถือสีถือสากัน ไม่ดูถูกเหยียดหยามกัน นี้เป็นธรรมที่สำคัญมากที่พระพุทธเจ้าทรงชมเชยสรรเสริญอย่างยิ่ง นี้คือความเป็นกลุ่มเป็นก้อน ให้เป็นความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันแน่นหนามั่นคง อย่างที่ว่าหญ้านั่นละ เส้นหนึ่งเด็ดขาดปั๊บ พอสองเข้ามาเด็ดขาดยากเข้าไป พอมัดเข้าไปเป็นมัดเอ้าเด็ด ใครเก่งว่างั้นเลย นั่นละคือความสามัคคีเด็ดไม่ขาด ความรักชาติของเราครอบประเทศไทยของเรา เป็นอวัยวะเดียวกันแล้ว เอ้า คนไหนมาก็มา ทางนี้พร้อมแล้วด้วยความสามัคคี ปึ๋งเดียวขาดสะบั้นเลย เห็นไหมล่ะกำลังสามัคคีของเรา

เขากลัวจะได้น้อยครับ

ศาสนาไม่ได้ว่ามากว่าน้อยนะ ศาสนาเอาน้ำใจเป็นสำคัญมากกว่าสิ่งใด ที่พูดนี้เราพูดน้ำใจ คนจะอยู่ได้ด้วยกันด้วยน้ำใจ


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก